เนื้อหาโดย Dodeden.com
เมื่ออาการคันดันเกิดขึ้นในบริเวณจุดซ่อนเร้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้หญิงเราส่วนมากจะมีความกังวลใจ โดยเฉพาะอาการคันที่ว่านี้มักพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ที่สําคัญคือเป็นความผิดปกติที่ซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งยากแก่การมองเห็น และหากปล่อยทิ้งไว้ อาการคันที่เกิดจากบางสาเหตุก็ใช่ว่าจะหายได้เอง ในบางรายอาจยิ่งทวีความรุนแรงจนทนไม่ไหว ในที่สุดก็ต้องรวบรวมความกล้าไปปรึกษาหมอเพื่อตรวจวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง
อาการคันใต้ร่มผ้าเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งผิวหนังอักเสบ เป็นผื่นจากการแพ้สารต่างๆ เช่น สบู่ ครีม หรือใยสังเคราะห์ของกางเกงชั้นใน ซึ่งหากตรวจพบว่าเกิดจากสาเหตุดังกล่าว การหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ก็จะช่วยให้อาการคันดีขึ้น แต่ในกรณีที่พบว่าสาเหตุการคันเกิดจากการอักเสบบริเวณปากช่องคลอด อันเนื่องมาจากเชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย หรือมีพยาธิในช่องคลอด ก็มักมีอาการผิดปกติร่วมด้วย เช่น มีตกขาว ซึ่งตามธรรมชาติ ผู้หญิงอาจมีตกขาวเกิดขึ้นได้ โดยจะมีลักษณะเป็นเมือกสีขาวขุ่นหรือเหลืองอ่อนๆ ไม่มีกลิ่น ไม่มีอาการคันหรือแสบ แต่หากพบว่าตกขาวมีลักษณะแตกต่างไปจากนี้ เช่น เป็นฟอง เป็นก้อน มีสีเหลืองหรือเขียว และมีกลิ่นเหม็น ก็จะเป็นข้อบ่งชี้ได้ว่าน่าจะมีความผิดปกติเกิดขึ้น หรือบางครั้งอาจมีอาการผื่นหรือตุ่มขึ้นบริเวณปากช่องคลอด ซึ่งลักษณะเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจรักษา
ตรวจภายใน ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
ผู้หญิงจํานวนมากรู้สึกอายและกลัวการตรวจภายใน ซึ่งเป็นเหตุผลสําคัญที่ทําให้สาวๆ ส่วนใหญ่ไม่กล้าไปหาหมอ อย่างไรก็ตาม อาการคันในช่องคลอดนั้น ไม่ใช่โรคร้ายแรงหรือน่ากลัว หากแต่เป็นปัญหาที่สาวๆ ส่วนใหญ่ไม่กล้าไปหาหมอ อย่างไรก็ตาม อาการคันในช่องคลอดนั้นไม่ใช่โรคร้ายแรงหรือน่ากลัว หากแต่เป็นปัญหาที่สร้างความรําคาญใจ ทําให้เสียบุคลิกและขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิต ฉะนั้นการไปพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีอาการ จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งในปัจจุบัน การตรวจรักษา แพทย์จะทําการซักประวัติคนไข้ก่อน จากนั้นจะตรวจดูผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศภายนอก หากมีประวัติและพบข้อบ่งชี้ว่าน่าจะมีอาการอักเสบของช่องคลอดด้วยจึงจะตรวจภายใน โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีขนาดเหมาะสม สอดเข้าไปช่องคลอดเพื่อดูลักษณะของเยื่อบุช่องคลอดและปากมดลูก รวมทั้งลักษณะของตกขาว บางครั้งอาจนําออกมาตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อค้นหาสาเหตุที่ทําให้เกิดการอักเสบ ตลอดจนตรวจดูขนาดของมดลูกและสํารวจว่ามีก้อนบริเวณปีกมดลูก ด้วยหรือไม่
อาการคันอาจลุกลามและอักเสบได้
อาการคันใต้ร่มผ้าที่พบได้บ่อยสุดในผู้หญิงไทย มาจาก 2 สาเหตุคือ โรคเชื้อราในช่องคลอด และภาวะอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ทั้งสองโรคนี้ ทําให้ตกขาวผิดปกติและมีกลิ่นเหม็น ซึ่งโดยธรรมชาติ ภายในช่องคลอดของผู้หญิงเราจะมีเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราอยู่จํานวนหนึ่ง ที่ทําหน้าที่รักษาความสมดุลภายในช่องคลอด โดยแบคทีเรียเหล่านี้จะสร้างสารที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคและมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอดได้ง่าย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่สภาพความเป็นกรดลดลง หรือเกิดภาวะเสียสมดุลของเชื้อแบคทีเรีย ก็ย่อมส่งผลให้เกิดความผิดปกติในช่องคลอดขึ้นได้ ความรุนแรงของโรคต้องพิจารณาว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา พยาธิ หรือไวรัสหูด เมื่อทิ้งไว้เรื้อรังโดยไม่รักษาอย่างถูกต้อง อาจก่อให้เกิดการอักเสบของปากมดลูก แต่ส่วนใหญ่จะไม่ลุกลามหรือสร้างความเสียหายต่อระบบอวัยวะสืบพันธุ์ภายใน ยกเว้นถ้าเกิดจากแบคทีเรียชนิดรุนแรง ซึ่งผู้ป่วยมักมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย เชื้ออาจ ลุกลามเข้าไปในโพรงมดลูกและปีกมดลูก ทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง หรือการอุดตันของท่อนําไข่ได้ ส่วนกรณีที่อาการคันเกิดจากสาเหตุของผื่นแพ้และ ผิวหนังอักเสบ หากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจทําให้เกิดผื่นลุกลาม เป็นแผลจากการเกาหรือติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนได้เช่นกัน
โอกาสเป็นซ้ำและวิธีหลีกเลี่ยง
สาวๆ เคยสังเกตบ้างมั้ยว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเจ็บป่วย ถ้ารักษาให้หายดีแล้ว แต่หากกลับไปใช้ชีวิตหรือพฤติกรรมแบบเก่า โรคที่เคยหายสนิทก็อาจหวนกลับมาเป็นซ้ำได้ใหม่ เช่นเดียวกับอาการคันในร่มผ้า หากเรายังกลับไปอยู่ในสถานการณ์หรือใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ก็อาจมีโอกาสเกิดโรคนี้ซ้ำขึ้นมาได้อีก เราพบว่ากลุ่มอาการคันที่เกิดจากผิวหนังอักเสบและการแพ้สารบางอย่าง อาจเกิดซ้ำได้ในกรณีที่คนไข้ไปสัมผัสกับสารนั้นอีก ส่วนกลุ่มที่เกิดจากการติดเชื้อ สามารถติดต่อกันได้จากการมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้น เพื่อลดโอกาสในการเป็นซ้ำ จึงจําเป็นต้องรักษาฝ่ายชายด้วย และทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ควรป้องกันด้วยการใช้ถุงยางอนามัย นอกจากนี้ ความเสี่ยงที่จะเกิดซ้ำยังมีอีกหลายกรณี เช่น ได้รับเชื้อราจากการปนเปื้อนทางทวารหนัก หรือการติดเชื้อจากความอับชื้น ภาวะช่องคลอดขาดความเป็นกรดจากการสวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำยาทําความสะอาดเป็นประจํา การกินยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นเวลานาน ตลอดจนเมื่อภูมิต้านทานบกพร่อง เช่น มีภาวะความเครียด หรือเป็นโรคเบาหวาน
การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง หมั่นรักษาความสะอาด และหลีกเลี่ยงความอับชื้นที่อาจทําให้เกิดเชื้อรา กินยาปฏิชีวนะที่ไม่มีข้อบ่งชี้ชัดเจน ตลอดจนดูแลสุขภาพจิตใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้สาวๆปลอดภัยจากอาการคันที่ไม่มีใครอยากเป็นได้ค่ะ