เกิดเหตุพ่อเลี้ยงกระทำรุนแรงกับลูกติดเมีย จนเสียชีวิตอีกราย คราวนี้เหยื่อเป็น ด.ญ.วัย 3 เดือน มีแม่วัย 17 ทิ้งให้ลูกอยู่กับพ่อเลี้ยง เด็กร้องไห้โยเย เลยจับเขย่าตัว ก่อนใช้กำปั้นทุบบ้องหูทั้ง 2 ข้างจนแน่นิ่ง เสียชีวิตก่อนถึง รพ.
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 1 เม.ย. 58 ที่ผ่านมา ร.ต.อ.บรรจง เพชัยภูมิ พงส.สภ.ดอนพุด จ.สระบุรี ได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลดอนพุด ว่า มีทารกเพศหญิง อายุประมาณ 3 เดือน เสียชีวิตก่อนมาถึงโรงพยาบาล ขอให้ตำรวจมาร่วมชันสูตรศพ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นัฏฐ์ จิตรปฏิมา ผกก. รุดไปร่วมกับแพทย์
เบื้องต้นพบว่า ศีรษะฝั่งขวาของเด็กที่เสียชีวิตบวมเป่งและกะโหลกร้าว เจ้าหน้าที่จึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน โดยที่โรงพยาบาลมี นายดำเกิง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี พ่อเลี้ยง มาพร้อมกับภรรยา อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นแม่ของเด็ก
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายดำเกิง พ่อเลี้ยงเด็ก มาสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิต ในระหว่างสอบปากคำ นายดำเกิงมีพิรุธหลายอย่าง กระทั่งถูกสอบเค้นหนักเข้า จึงยอมรับสารภาพว่า ตนเป็นคนลงมือทำร้ายเด็ก ซึ่งเป็นลูกติดภรรยา โดยช่วงประมาณ 2 ทุ่ม ภรรยาได้ออกไปบ้านพ่อตาแม่ยาย ตนอยู่กับเด็ก 2 คน เด็กส่งเสียงร้องไห้โยเย ด้วยความรำคาญตนจึงได้ตะคอก แต่เด็กไม่ยอมหยุดร้อง จึงอุ้มขึ้นเขย่าตัว ก่อนวางลงบนเตียง เด็กก็ยังส่งเสียงร้องอยู่อีก ด้วยความโมโหจนขาดสติ จึงใช้กำปั้นทุบไปที่กกหูทั้งสองข้างอย่างแรง 1 ครั้ง จนเด็กเงียบเสียงและนิ่งไป
นายดำเกิง ให้การอีกว่า หลังจากออกมานอกบ้าน ได้ย้อนกลับเข้าไปดู พบว่าลูกเลี้ยงแน่นิ่งไปแล้ว จึงรีบอุ้มพาขี่รถ จยย.มาที่โรงพยาบาล ในขณะที่รถวิ่งมาตามถนน ก็พบกับเมียและแม่ยาย จึงได้จอดรับเมียขึ้นรถมาพร้อมกันจนถึงโรงพยาบาล แต่หมอลงความเห็นว่าลูกเสียชีวิตก่อนหน้านี้แล้ว จนเจ้าหน้าที่ตำรวจมานำตัวไปสอบสวน ซึ่งตนก็รับสารภาพว่าทำไปเพราะความโมโห
ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 เม.ย. 58 พ.ต.อ.นัฏฐ์ จิตรปฏิมา ผกก.สภ.ดอนพุด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายดำเกิง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านเกิดเหตุใน ต.บ้านหลวง อ.ดอนพุด โดยมีชาวบ้านมุงดูจำนวนมาก
สำหรับนายดำเกิง และภรรยาวัยรุ่น อายุ 17 ปี มีอาชีพรับจ้างเป็นเด็กเสิร์ฟโต๊ะจีนในพื้นที่ อ.ดอนพุด รู้จักกันมาได้ประมาณ 1 ปี จึงตัดสินใจอยู่กินด้วยกัน โดยฝ่ายหญิงมีลูกติดมาด้วย และเป็นคนหน้าตาดี ส่วนนายดำเกิงนั้นเป็นคนขี้หึง สาเหตุที่กระทำรุนแรงกับเด็ก จึงน่าจะมีอารมณ์หึงหวงผสมอยู่ด้วย