เอพีรายงานเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่า สำนักงานอัยการเกาหลีใต้เสนอต่อศาลให้ลงโทษจำคุก 12 ปี นายอี แจยอง อายุ 49 ปี รองประธานบริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ฉายาเจ้าชายซัมซุง ทายาทธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ฐานติดสินบนรัฐ ซึ่งบทลงโทษนี้นับว่าสูงกว่าปกติที่กำหนดไว้ 5 ปี ด้วยเห็นว่าเป็นการติดสินบนเพื่อผลประโยชน์อันมหาศาล
คดีนี้อัยการกล่าวหาว่า ผู้บริหารหนุ่มเจ้าของฉายา “เจ้าชายซัมซุง” ทายาทกิจการของตระกูล ติดสินบนรัฐบาลด้วยการบริจาคเงิน 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,400 ล้านบาท เข้ามูลนิธิ 2 แห่งของนางชเว ซุนซิล เพื่อนสนิทอดีตประธานาธิบดีปาร์ก กึนเฮ เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจที่จะเปิดทางให้ซัมซุงควบรวมกิจการได้โดยง่าย
นายอี แจยอง ให้การปฏิเสธทุกข้อหาระหว่างไต่สวนที่ศาลชั้นต้นในกรุงโซล เช่นเดียวกับคณะผู้บริหารบริษัทซัมซุงอีก 4 คน
คดีนี้ ผู้คนต่างคาดหมายว่าสุดท้ายแล้วนายอีจะได้รับโทษสถานเบา เนื่องจากคดีอื่นๆ ก่อนหน้านี้ บรรดาบุคคลสำคัญของตระกูลธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศ หรือ แชโบล ต่างก็ได้รับความปรานี เนื่องจากผลคำตัดสินจะสะเทือนเศรษฐกิจของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 4 ของเอเชีย
เช่น กรณี อี คุนฮี พ่อของอี แจยอง ในฐานะประธานใหญ่แห่งซัมซุงถูกตัดสินคอร์รัปชั่นอื้อฉาวในปี 2550 ทั้งจัดตั้งกองทุนสำหรับให้สินบนเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ ทั้งมอบอำนาจบริหารสู่ลูกโดยผิดกฎหมาย และยังโดนคดีเลี่ยงภาษีอีกในปี 2551 กลับต้องโทษจำคุก 3 ปี โดยให้รอลงอาญา ปรับ 3,200 ล้านบาท จากนั้นอีกหนึ่งปี ก็ได้รับผ่อนโทษ
อีกคดีคือ การฟอกเงินและตินสินบนของนายชุง มงกู ประธานบริษัทฮุนได เมื่อปี 2550 อัยการเสนอโทษจำคุก 6 ปี แต่ศาลพิพากษาให้จำคุก 3 ปีและได้การพักโทษในชั้นอุทธรณ์ ก่อนได้รับการผ่อนโทษในปี 2551
ต่อด้วยคดีนายเช แทวอน ประธานกลุ่มเอสเค กรุ๊ป ถูกตัดสินฟอกเงินในปี 2556 อัยการเสนอให้จำคุก 6 ปี แต่ศาลตัดสินให้จำคุก 4 ปี โดยจำคุกจริง 2 ปี นับว่ายาวนานที่สุดในกลุ่มผู้นำธุรกิจแชโบล ก่อนได้รับการปล่อยตัวในปี 2558 และน.ส.ปาร์ก กึนเฮ ให้อภัยโทษในขณะเป็นประธานาธิบดี