เรียบเรียงข่าวโดย โดดเด่นดอทคอม
ภาพประกอบจาก โดดเด่นดอทคอม
หากพูดถึง ปลาทูน่า หรือ ปลาโอ ซึ่งเป็นปลาทะเลเศรษฐกิจที่มีความสำคัญมาก เนื้อของปลาทูน่าจะมีสีชมพูหรือแดงเข้ม ต่างจากปลาทั่วไปที่มักจะมีเนื้อสีขาว
ทั้งนี้ ปัจจุบันนิยมเอามาทำเป็นปลากระป๋อง หรือ ปรุงสดต่าง ๆ เช่น ซาซิมิ ซึ่งคนที่กำลังลดน้ำหนักจะต้องเคยบริโภคเป็นอย่างดี เพราะมีกรดไขมันโอเมก้า-3 นิยมนำมารับประทานเวลาหิวช่วงไดเอท
เว็บไซต์โดดเด่นดอทคอม ( www.dodeden.com ) รายงานว่า ภายในโรงแรมแห่งนึงได้นำเอาปลาทูน่าตัวยักษ์ สดๆ มาตั้งวางไว้ให้ลูกค้าได้ทานกัน
บางคนก็ทานได้ แต่บางคนกลับรู้สึกว่าไม่น่าทาน เพราะไม่น่าจะนำมาชำแหละให้ผู้บริโภคเห็นแบบนี้
ทั้งนี้ ในปัจจุบันจะพบว่าในเครือโรงแรมของต่างประเทศดังๆ นิยมนำเอาสัตว์ใหญ่มาตั้งวางเพื่อให้ดูว่าเป็นของสด คนที่นิยมรับประทานอาหารสดๆ จะได้รู้ว่านี่คืออาหารสด
ทั้งนี้ แม้ว่าปลาทูน่าจะได้รับความนิยม แต่ผลการศึกษาสำหรับผู้บริโภคได้บอกคำแนะนำว่า หญิงมีครรภ์ไม่ควรกินปลาทูน่าเนื่องจากเป็นภัยจากการบริโภคปรอทเข้าไปในร่างกายปริมาณมาก
รายงานกล่าวว่า ขณะที่ปลา ถือว่าเป็นแหล่งโปรตีนที่มีมันนิดหน่อย หรือไม่มีเลย กับกรดไขมันโอเมก้า-3 แหล่งใหญ่แห่งหนึ่ง
แต่พวกปลาใหญ่อย่างปลาทูน่า อาจจะมีสารปรอทสะสมอยู่ในตัว ในจำนวนที่ไม่ปลอดภัย หญิงมีครรภ์หรือผู้อยากจะมีลูก ที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมตนเอง ควรจะหลีกเลี่ยงการบริโภคปลานี้
เมื่อสารปรอทอยู่ในตัวปริมาณมาก ปรอทเป็นอันตรายกับการเติบโตและพัฒนาของทารก ปลาทูน่าโดยเฉพาะปลาทูน่ากระป๋อง เป็นอาหารปลายอดนิยมมากที่สุด
เนื่องจากมีแคลอรีต่ำ รสมัน ถูกพบว่าปลาทูน่าเนื้อขาวอัดกระป๋อง โดยเฉลี่ยจะมีสารปรอทอยู่ถึง 60 ไมโครกรัม
เมื่อเทียบกับกินปลาแซลมอนขนาด 4 ออนซ์ มีสารปรอทอยู่ประมาณ 2 ไมโครกรัม และปลาซอร์ดฟิช อันเป็นปลาทะเลขนาดใหญ่ ปากแหลมคล้ายฉลาม ซึ่งมีสารปรอทอยู่ 150 ไมโครกรัม
การศึกษาพบว่า เมื่อมดลูกกระทบกับสารปรอทระดับสูง สมองและระบบประสาทที่กำลังเติบโตจะเสียหาย
อย่างที่พบกันอยู่ในสหรัฐฯ จะมีทารกเกิดใหม่ ทุก 1 ใน 6 ราย กระทบกับสารปรอทระดับสูง เป็นเหตุให้เสี่ยงกับความพิการในการเรียนรู้ ความบกพร่องของการเคลื่อนไหวและการสูญเสียความจำระยะสั้น