เว็บไซต์เมโทรของประเทศอังกฤษ รายงานว่า นายจอร์จ ไพรเออร์ (George Prior) ชายชาวสหรัฐอเมริกา วัย 50 ปี ได้จัดทำแคมเปญของตัวเองที่มีชื่อว่า 10 Cokes A Day โดยเขาดื่มน้ำอัดลมวันละ 10 กระป๋องเป็นเวลา 30 วัน เพื่อรณรงค์ให้คนทราบถึงปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการดื่มน้ำอัดลมเป็นจำนวนมาก
ก่อนหน้าที่นายจอร์จจะเริ่มทำแคมเปญข้างต้น เขาเป็นคนที่มีหุ่นนักกีฬามีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ และหนักเพียง 76 กิโลกรัมเท่านั้น โดยหลังจากที่เขาชมภาพยนตร์สารคดีเรื่อง “Super Size Me” เกี่ยวกับผลเสียของการกินอาหารฟาสต์ฟู้ด
เขาก็ได้รับแรงบันดาลใจที่จะช่วยให้คนระวังเรื่องปริมาณของน้ำตาลจากการดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำว่ามันทำให้เกิดโรคต่าง ๆ อย่างเช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน เป็นต้น
นายจอร์จจึงทดลองกับตัวเองด้วยการดื่มน้ำอัดลม 10 กระป๋องต่อวัน ติดต่อกัน 30 วัน ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งผลของการดื่มน้ำอัดลมอย่างหนักครั้งนี้ ทำให้ร่างกายเขามีปริมาณแคลอรีมากกว่า 27,000 แคลอรี มีน้ำตาลสะสมกว่า 7,500 กรัม
จากการดื่มน้ำอัดลมเพิ่มเติมประมาณ 900 แคลอรี และน้ำตาลอีก 250 กรัมทุกวัน ส่งผลให้รูปร่างที่เคยกำยำเปลี่ยนเป็นคนมีพุงอย่างเห็นได้ชัด โดยเจ้าตัวบอกว่าไม่เพียงแต่น้ำหนักที่ขึ้นจาก 76 กิโลกรัม เป็น 89 กิโลกรัมเท่านั้น แต่ความดันโลหิตก็พุ่งสูงขึ้นเช่นเดียวกัน จากที่เคยวัดได้ 129/77 มิลลิเมตรปรอท เป็น 145/96 มิลลิเมตรปรอท เลยทีเดียว
นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่าเด็ก ๆ ไม่ควรดื่มน้ำอัดลมหรือแม้แต่น้ำผลไม้ เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้มีปริมาณน้ำตาลมาก ส่วนในรายของผู้ใหญ่ที่เป็นโรคเบาหวานและโรคหัวใจอยู่แล้ว ก็ควรลดหรือเลิกดื่มเพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้อาการของโรคดังกล่าวทรุดหนักไปอีก
เอาล่ะครับ หนุ่ม ๆ ที่ชอบดื่มน้ำอัดลมทั้งหลายควรลดปริมาณลงหรือไม่ก็เลิกดื่มไปเลยก็ยิ่งดี แล้วหันมาดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผักผลไม้สดแทนจะดีกว่า ถึงแม้รสชาติอาจไม่ถูกปาก แต่ก็ไม่ทำลายสุขภาพของตัวคุณเองเหมือนบรรดาน้ำอัดลม
ที่มา กระปุก