เกิดไฟป่าใน 4 รัฐทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันอาทิตย์ สร้างความเสียหายให้พื้นที่เป็นวงกว้าง รวมทั้งบ้านเรือนและกระท่อมอีกจำนวนหนึ่ง…
ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย (ภาพ: AFP)
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐไอดาโฮเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่ามากที่สุด โดยไฟป่าในเขตโอวีฮีทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐ เผาไหม้กินพื้นที่ 283,686 เอเคอร์ (ราว 717,522.8 ไร่) โดยเจ้าหน้าดับเพลิงที่ 860 คนกำลังพยายามควบคุมเพลิงซึ่งล่าสุดดับได้แล้ว 25% แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่า
ขณะเดียวกันไฟป่าในเมือง คามิยาห์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐไอดาโฮ ทำลายบ้านเรือนไปประมาณ 50 หลัง เรือนนอกอีก 75 หลัง นอกจากนี้ยังมีไปป่าอีกหลายจุดใกล้เมืองแห่งนี้ โดยเผาไหม้กินพื้นที่รวม 20,759 เอเคอร์ (ราว 52,505 ไร่) ซึ่งเจ้าหน้าที่มากกว่า 770 คนสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว 15%
เจ้าหน้าที่พยายามดับไฟป่าบนเนินเขาใกล้เมืองแอดดี ในรัฐวอชิงตัน (ภาพ: AP)
ส่วนสถานการณ์ไฟป่าในรัฐวอชิงตัน อิทธิพลจากลมทำให้ไฟป่าแถบหุบเขาแมคเนล และเมืองเชลัน ตอนกลางของรัฐ ขยายวงกว้างออกเป็น 38,793 เอเคอร์ (ราว 98,118.5 ไร่) แต่ล่าสุดในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว 30% ขณะที่มีสิ่งปลูกสร้างถูกทำลายไปประมาณ 100 หลัง ประชาชนต้องอพยพแล้ว 1,500 คน อนึ่งไฟป่าในรัฐวอชิงตันเริ่มต้นขึ้นหลังจากเกิดฟ้าผ่าในช่วงเช้าวันศุกร์
อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัครราว 300 คน กำลังพยายามดับไฟป่าที่แคนยอนครีก ในภาคตะวันออกของรัฐโอเรกอน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 34,143 เอเคอร์ (ราว 86,357.3 ไร่) โดยสาเหตุเกิดจากฟ้าผ่าเช่นกัน ขณะที่ห่างลงมาทางใต้ประมาณ 1,000 ไมล์ ที่ป่าสงวนแห่งชาติ แองเจลีส ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เกิดไฟป่าขึ้นเมื่อวันเสาร์ และจนถึงช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ไฟเผาไหม้กินพื้นที่ 1,448 เอเคอร์ (ราว 3,662.4 ไร่) และเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้ 20%แล้ว
ไฟป่ากำลังเผาต้นไม้ใกล้กับแม่น้ำ เคลียร์วอเตอร์ ทางเหนือของรัฐไอดาโฮ (ภาพ: AP)
ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียยังทำให้ทางหลวงหมายเลข 39 ต้องปิดทำการตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่สำนักงานสภาพอากาศแห่งชาติ (เอ็นดับเบิลยูเอส) ประกาศเตือนภัยไฟป่าในหลายพื้นที่ของรัฐ