นักโภชนาการ สธ. และอาจารย์เจษฎา เผย ผงชูรสไม่ทำให้ถึงชีวิตตามที่เป็นข่าว เพียงแต่แนะนำให้ทานแต่น้อย ตามที่เป็นข่าวในสังคมออนไลน์ว่า ผงชูรสเป็นสารปรุงแต่งที่ไม่มีประโยชน์ และไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ อีกทั้งยังเป็นโทษถึงชีวิตนั้น ตามที่ทีมข่าวเว็บไซต์วอยซ์ทีวี ได้สอบถามยังนักโภชนาการ ของกระทรวงสาธารณสุขให้ข้อมูลว่า ผงชูรส หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า โมโนโซเดียมกลูตาเมท เป็นสารปรุงแต่งที่มีส่วนในการกระตุ้นประสาทการรับรส ทำให้กินอาหารได้อร่อย
ผงชูรส เกิดจากการผลิตจากกระบวนการทางเคมี มีทั้งกระบวนการหมัก และต้องใช้สารเคมีหลายตัว แต่อย่างไรก็ตาม ผงชูรสไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการ ถึงแม้จะมีกรดกลูตามิคก็ตาม แต่กรดดังกล่าวไม่มีความจำเป็น เพราะร่างกายผลิตเองได้ จึงไม่มีคุณค่าทางอาหาร
อีกทั้ง ผงชูรสยังมีโซเดียม หรือเกลือเป็นส่วนประกอบ แต่ไม่มีรสเค็มเหมือนเกลือแกง ดังนั้นเมื่อใส่ผงชูรสในปริมาณมาก ก็ได้รับความเค็มได้เช่นกันแต่ผู้บริโภคไม่รู้ตัวเท่านั้น ดังนั้น ปริมาณที่พอเหมาะในการบริโภคคือไม่เกินวันละ 1 ช้อนชาพูน หรือ 6 กรัม จึงจะปลอดภัยจากพิษของผงชูรส
สำหรับอาการของผู้ที่แพ้ผงชูรสนั้นจะมีอาการ มึนงง ปวดหรือร้อนวูบวาบที่ก้านคอ บางรายคลื่นไส้อาเจียน แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเอง นอกจากนี้ยังพบว่าผงชูรสสามารถทำลายเซลล์สมองของสัตว์ทดลองได้ จึงมีคำแนะนำว่าเด็กทารกและหญิงมีครรภ์ไม่ควรบริโภคผงชูรสเลย เพราะอาจจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของเซลล์สมองของเด็กได้
ด้านอาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ให้ความรู้เกี่ยวกับผงชูรสในคลิปวิดีโอชุด วิทยาตาสว่าง ตอน ผงชูรส ไว้ว่า ผงชูรสไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิตเหมือนกับที่หลายๆคนกลัว ซึ่งปริมาณที่เป็นอันตรายจริงๆนั้นต้องเป็นในปริมาณที่มากพอสมควร อีกทั้งผงชูรสยังเป็นสารปรุงแต่งอาหารที่ได้รับรองทั่วโลกจากองค์การอนามัยโลกแต่ไม่ควรกินมากจนเกินไป