เนื้อหาโดย : โดดเด่นดอทคอม
การเสริมจมูกในปัจจุบันไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด ไม่ว่าผู้หญิง หรือผู้ชายก็ต้องการให้ตัวเองมีใบหน้าที่ดูดี ดูสวยงาม หรือดูหล่อขึ้นทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความประทับใจ ซึ่งส่งผลสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น แต่หลังจากทำจมูกใหม่ๆแล้ว ก็ต้องมีขั้นตอนการดูแลรักษาเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดรอยแผลหรือผลกระทบอื่นๆที่จะตามมา รวมไปถึงยังทำให้อาการบวมช้ำหายเร็วอีกด้วย
1. ในช่วงวันแรกหลังการผ่าตัดคนไข้อาจจะมีเลือดซึม ไม่ต้องตกใจ เราสามารถใช้ ทิชชูซับ ได้ในช่วง 3-4 วันแรกคนไข้อาจมีอาการน้ำเหลืองหรือเลือดจางๆซึมออกมาจากแผล ให้ใช้คัตตอนบัดซับเบาๆ และแต้มเบตาดีนเบาๆ ในบริเวณที่มีน้ำเหลืองซึมออกมา ห้ามเช็ดหรือถูโดยเด็ดขาด แต่ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลในทุกกรณี ส่วนอาการเจ็บปวดบริเวณแผลในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกเป็นอาการปกติ อาจเกิดขึ้นได้ในบางราย
จากนั้นให้นอนยกหัวสูง อีกทั้งในช่วง 3-4 วันแรกจะมีอาการบวมจนตาปิดซึ่งเป็นอาการปกติ ในช่วงนี้หลายคนมักรู้สึกนอยด์ หรือกังวลเป็นอย่างมากเนื่องจากรูปทรงของจมูกยังไม่เข้าที่ ยังมีอาการบวมและช้ำอยู่ อาการบวมและช้ำอาจจะอยู่ประมาณ 4-14 วัน แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน
2. ประคบเย็นทันที หลังการผ่าตัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง เช่น ใช้เจลแพ็คหรือผ้าขนหนูที่เปียกหมาดๆสัก 3 ผืนแช่ช่องแข็งและสลับนำมาประคบให้ต่อเนื่องที่สุด โดยประคบบนจมูก หน้าผาก และบริเวณรอบๆ หลังจากนั้นไม่จำเป็นต้องประคบต่อ อาการบวมจะมีต่อไปอีกประมาณ 4-14 วันแล้วจะค่อยๆยุบลง โดยช่วงหัวตาจะยุบช้าที่สุด ดังนั้นหากรู้สึกว่าหัวตาดูโตไม่ต้องกังวล
3. นอนยกหัวสูง หรือนั่งหลับ 48 ชั่วโมง และตระหนักไว้ว่าอาการบวมจนตาปิดช่วง 3-4 วันแรกเป็นอาการปกติ และช่วง 8 วันแรกยังไม่ต้องอารมณ์เสียกับรูปทรงจมูกเพราะอาการบวมยังมีมากอยู่จนไม่อาจ ทราบทรงจมูกที่แท้จริงได้ อาการบวมช้ำจะยาวนานแตกต่างกันไปในแต่ละรายช่วง 4-14 วัน ไม่ต้องวิตกกังวลและไม่ควรส่องกระจกประเมินทรงจมูกในช่วงแรก
4. ห้ามแผลผ่าตัดโดนน้ำ 7 วัน (กรณีที่มีการผ่าตัดกระดูกอ่อนหลังหูด้วย ห้ามแผลหลังหูโดนน้ำ 7 วัน) ดังนั้น การทำความสะอาดหน้า 3-4 วันแรกให้ใช้กระดาษซับมัน หลังจากนั้นใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดทั่วใบหน้า หลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งบริเวณดั้งจมูก
5. ผู้เข้ารับการผ่าตัดจึงควรอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงฝุ่นที่เป็นสาเหตุให้แพ้อากาศ หากมีน้ำมูกให้รีบทานยาแก้แพ้ทันที หลีกเลี่ยงการไอ จาม และสั่งน้ำมูก
6. ทานยาที่แพทย์สั่ง หลังจากรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งจนหมดแล้วไม่ต้องซื้อรับประทานเองเพิ่ม ให้ทานได้เฉพาะยาแก้ปวดพาราเซตามอนเท่านั้น ในกรณีมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมักมีสาเหตุมาจากอาการข้างเคียงจากการทานยาแก้ อักเสบ Cloxacilline ให้หยุดยา หรือใช้ Amoxicilline 500mg หลังอาหาร 1 เม็ด 4 เวลา(เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน) ทานยาต่อเนื่องทั้งหมด 7 วันและสามารถทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียนได้(Domperidone)
7. ต้องมาตรวจซ้ำตามใบนัด หากมีอาการเอียงแพทย์จะสามารถใช้มือดัดแก้ไขให้ตรงได้ทันเวลา
8. รับประทานอาหารอ่อนๆในช่วง 3-4 วันแรก เพื่อหลีกเลี่ยงการกระแทกและขยับเขยื้อนของจมูก รวมไปถึงอาหารรสเผ็ดที่จะทำให้มีน้ำมูกไหลได้