สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า (14 พ.ย.) ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ตำรวจปราบจลาจลฉีดน้ำแรงดันสูงและยิงแก๊สน้ำตา เพื่อกดดันกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลให้ยุติการชุมนุม โดยข้อมูลของสำนักงานตำรวจกรุงโซล ระบุมีผู้เข้าร่วมราว 80,000 คน ขณะที่สถิติของแกนนำอยู่ที่มากกว่า 100,000 คน
การประท้วงใหญ่ครั้งนี้เกิดขึ้นจากการจัดการของสหภาพแรงงานเกาหลีใต้ และกลุ่มอื่นๆ เพื่อต่อต้านรัฐบาลเกาหลีใต้ รวมไปถึงนโยบายปฏิรูปแรงงาน การเปิดตลาดภายในประเทศที่เคยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะภาคการเกษตร
และการที่รัฐบาลชุดปัจจุบันของประธานาธิบดีหญิง “ปาร์ค กึน เฮ” เตรียมเข้ามาควบคุมการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ของนักเรียนมัธยม ตั้งแต่ปีการศึกษา 2560 เป็นต้นไป ด้วยการยกเลิกใช้ตำราเรียนของเอกชน
และให้ใช้ตำราเรียนประวัติศาสตร์ของภาครัฐเท่านั้น ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเมือง และอาจจะใช้เพื่อลบหน้าประวัติศาสตร์ความชั่วร้ายของผู้นำประเทศเกาหลี ก่อนที่จะเกิดการเปลี่ยนผ่านเป็นระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย ในช่วงยุค 80
โดย 1 วันก่อนการชุมนุม กระทรวงยุติธรรมของเกาหลีใต้ประกาศจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มผู้ประท้วง ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการสั่งห้ามนักเรียนและนักศึกษาเข้าร่วมการชุมนุมเด็ดขาด หากฝ่าฝืนอาจถูกลงโทษ
อย่างไรก็ตาม ประชาชนต่างพากันแชร์ภาพและเหตุการณ์การชุมนุมผ่าน #prayforkorea ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก หลังพบว่าสถานีโทรทัศน์ช่องหลักๆ ไม่มีการนำเสนอข่าวประท้วงดังกล่าว มีเพียงการเผยแพร่รายการบันเทิงและข่าวต่างประเทศ