วันที่ 31 พฤษภาคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักแสดงหนุ่ม เก้า จิรายุ พร้อมด้วยคุณแม่และทนายความส่วนตัว ได้ออกมาตั้งโต๊ะเพื่อแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีที่อดีตผู้จัดการส่วนตัว ได้โกงเงินไปเป็นจำนวนมากจากการทำธุรกิจ หนำซ้ำผู้จัดการคนนี้ยังเคยหลอกว่าป่วย เพื่อให้ได้เงินจากครอบครัว และยังทำให้เก้าและคุณแม่ไม่คุยกัน จนคนในครอบครัวหมางเมินใส่กัน
ทั้งนี้ เก้า จิรายุ เผยว่า ตนและอดีตผู้จัดการคนนี้เริ่มต้นรู้จักกันจากการที่เขาเข้ามาจ้างงานตน 2-3 ครั้ง เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เขาจ้างตนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขาเข้ามาสนิทกับครอบครัว มาสนิทกับคุณแม่ และเมื่อตนกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ผู้หญิงคนนี้ก็ได้มาชักชวนทำธุรกิจ คุณแม่เองเห็นว่าเก้าทำงานมาตั้งแต่เด็ก เลยอยากจะหาความมั่นคงให้เก้า เลยเชื่อใจยอมทำธุรกิจด้วย แต่ในพักหลังเขากลับบอกว่า บริษัทแม่นั้นถูกตรวจสอบ สมุดบัญชีโดนรวบ ทำให้เกิดปัญหา แต่บริษัทของเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งตอนนั้นทั้งคุณแม่และเก้าก็ยังคงเชื่อใจอยู่
นอกจากนี้ เก้ายังบอกว่า ด้วยความที่สนิทสนม ทำให้เขาเข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัว ดูคิวของเก้าโดยไม่หวังผลตอบแทน เพราะเขาอ้างว่าเขารวยแล้ว มีเงินเยอะแล้ว ตอนนั้นเขาดูคิวให้ประมาณ 1-2 ปี แต่ในตอนนั้น เรื่องรับเงินก็ยังปกติ อีกทั้งเขาเองยังโกหกว่าเป็นโรค SLE ต้องใช้เงินหลายแสนในการรักษา ทำให้คุณแม่ให้เงินไป แม้เขาจะไม่ได้บอกว่าจะมาขอยืม แต่เขาจะพูดอ้อม ๆ จนทำให้ต้องหยิบยื่นเงินให้ เช่น ป่วยหนักมาก หากเป็นอะไรขึ้นมาก็ปล่อยไป ห้ามบอกน้องเก้า รวม ๆ ค่ารักษาก็ประมาณ 7 หลัก
นอกจากนี้ ผู้หญิงคนนี้ยังมีส่วนทำให้เก้าและคุณแม่ไม่คุยกัน โดยที่เขาจะมาพูดกับเก้า มาปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับคุณแม่ และบอกว่าอย่าไปบอกคุณแม่ ซึ่งในตอนหลัง เขาก็ไปคุยกับคุณแม่แบบเดียวกัน และบอกว่าอย่าบอกเก้า จนทำให้เก้าและคุณแม่ไม่คุยกันทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน
ส่วนที่ทำให้เก้าและแม่เริ่มเอะใจนั้น เพราะในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ปัญหาที่เขามีเริ่มหนักขึ้น พอเราถามว่าได้สมุดบัญชีคืนหรือยัง เขาก็บอกว่า “ยาว ๆ ไปเลยแม่” อีกทั้งผู้ใหญ่ในวงการเองก็เริ่มมาเตือนเก้าและคุณแม่ ด้วยการถามว่า ทำงานกับคนนี้หรือ ตอนแรกคุณแม่เองก็ไม่เชื่อ เพราะไม่ได้เช็กประวัติและไม่กล้าเช็กประวัติของเขา กลัวมีปัญหาเรื่องความไว้ใจ แต่สุดท้ายเมื่อหลักฐานมันมัดแน่น เขามีคดีติดตัวทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา อีกทั้งยังติดแบล็กลิสต์ จนทุกอย่างกระจ่างออกมา ทั้งเก้าและคุณแม่ก็ไม่ได้คุยกับผู้จัดการคนนี้อีกเลย และเขาก็หายไป
ภายหลังจากที่เรื่องกระจ่างขึ้น ทั้งเก้าและแม่ ก็หันหน้ามาคุยกัน แล้วจึงมีการปรึกษาทนาย ปรึกษาผู้ใหญ่ โดยก่อนหน้านี้เขาบอกให้เก้าแนะนำเขากับคนอื่นว่าเป็นพี่สาว โดยอ้างว่าเพื่อให้ทำงานง่าย ทำงานสะดวกขึ้น แต่จริง ๆ แล้ว เก้าเป็นลูกคนเดียว ตอนนี้เขาเองไม่ได้ดูแลงานให้เก้าแล้ว จากนี้ไปถ้ามีการดีลงานที่มากับคน ๆ นี้ ก็จะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว
ในส่วนของเงินที่ถูกโกงไปนั้น ทนายเผยว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมหลักฐาน เพื่อดูว่าส่วนไหนเกี่ยวข้องโดยตรงหรือโดยอ้อม และผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ลงมือคนเดียว ที่แน่ ๆ คือมีคนอีกประมาณ 2-3 คนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง อีกอย่าง ทางเก้าและคุณแม่อยากให้เขากลับมาเอาทรัพย์สินส่วนตัวที่อยู่ในออฟฟิศคืน เพราะเขาเคยสนิทถึงขั้นมาอยู่กินที่ออฟฟิศ รวมทั้งอยากให้เข้ามาคุยกัน การแถลงข่าวครั้งนี้จึงเป็นการตัดขาดอย่างสมบูรณ์แบบ และตอนนี้ทางทนายความได้ไปแจ้งตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว
สุดท้ายนี้ เก้า จิรายุ และคุณแม่ ได้ฝากทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้ทำให้รู้ว่า การไว้ใจมาก ๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาได้ ถือเป็นบทเรียนที่เกิดขึ้น และทำให้เราเรียนรู้อะไรหลายอย่าง พอมาเคลียร์ก็รู้ว่าคุณแม่หวังดี อย่างน้อยตนและแม่ก็เข้าใจกัน และอยากฝากให้ทุกคนมีสติ ตนเชื่อว่าใครที่ทำอะไรไว้ก็จะได้รับสิ่งนั้น คนที่ทำดีก็จะได้ดี คนที่ทำในสิ่งไม่ดี ก็จะได้รับในสิ่งที่ไม่ดี