ที่มา: sanook

นอกจากเรื่องของกลิ่นปากแล้ว การแปรงฟันยังช่วยทำความสะอาดให้ฟันของเราสะอาด ปราศจากการหมักหมมของเศษอาหาร ที่จะเป็นสาเหตุสำคัญของอาการฟันผุที่หลายคนไม่อยากเป็น เราจึงถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าควรแปรงฟันวันละอย่างน้อย 2 ครั้ง เช้า-เย็น บางคนแปรงหลังทานอาหารทุกมื้อด้วยซ้ำ

แต่ลองคิดดูกันเล่นๆ สิว่า หากเราไม่แปรงฟันเลยตลอด 1 สัปดาห์ สภาพฟัน และเหงือกของเราจะเป็นอย่างไร ก่อให้เกิดผลเสียอะไรต่อร่างกายของเราหรือไม่ เรามีคำตอบจากคุณหมออาคิ จากเฟสบุ๊คเพจ Dr.Aki – หมออาคิ มาฝากกันค่ะ

จะเกิดอะไรขึ้น…เมื่อเราไม่แปรงฟันติดต่อกัน 1 สัปดาห์ !? 

ในช่องปากเรามีเชื้อแบคทีเรียอาศัยอยู่กว่า 500 ชนิดเป็นจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1 แสนล้านตัว แบคทีเรียในช่องปากเหล่านี้ก็เฉกเช่นเดียวกับแบคทีเรียในลำไส้ที่แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ “กลุ่มแบคทีเรียดี” และ “กลุ่มแบคทีเรียก่อโรค” เราทุกคนต่างก็มีแบคทีเรียทั้ง 2 กลุ่ม แต่ละคนจะต่างกันที่สัดส่วน โดยสัดส่วนที่เหมาะสมนั้นควรมี “กลุ่มแบคทีเรียดี” มากกว่า 90%

“กลุ่มแบคทีเรียดี”ที่อาศัยอยู่ในช่องปากจะคอยช่วยป้องกันตัวเราจากเชื้อโรคจากภายนอกที่เข้ามาทางปาก ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา ไม่ให้มาฝังตัวแพร่กระจายภายในร่างกายเรา ในขณะที่ “กลุ่มแบคทีเรียก่อโรค” ในช่องปากก็เป็นต้นเหตุของโรคฟันและเหงือก ทั้งนี้เมื่อมีสัดส่วนของ “กลุ่มแบคทีเรียก่อโรค” มากขึ้นสุขภาพช่องปากของเราก็จะแย่ลง

แล้วการแปรงฟันนั้นสำคัญขนาดไหน?

เมื่อให้อาสาสมัครทดลองไม่แปรงฟันติดต่อกัน 1 สัปดาห์ แล้วตรวจหาสัดส่วนของแบคทีเรียในช่องปากดูว่าเปลี่ยนไปอย่างไร ผลปรากฏว่า “กลุ่มแบคทีเรียก่อโรค” เพิ่มจำนวนมากขึ้นมากๆ จากเดิมในช่วงก่อนการทดลองซึ่งแปรงฟันเป็นปกติมีสัดส่วนอยู่แค่ 10% ภายหลังเมื่อไม่แปรงฟันเลยติดต่อกัน 1 สัปดาห์ สัดส่วนของ “กลุ่มแบคทีเรียก่อโรค” เพิ่มขึ้นจนมากกว่า 40%

การดูแลสุขภาพช่องปากด้วยการแปรงฟันรวมถึงการทำความสะอาดซอกฟันด้วยไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราทุกคนต้องถือปฏิบัติ เพื่อเป็นการควบคุม “กลุ่มแบคทีเรียก่อโรค”ไม่ให้เพิ่มจำนวนมากเกินไปนั่นเอง

ขอขอบคุณ ข้อมูล : Dr.Aki – หมออาคิ

เรื่องน่าสนใจ