ที่มา: Matichon Online

พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่าอุปสรรคการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่สำคัญคือภาพจากกล้อง ซีซีทีวี ที่ขาดความต่อเนื่องของเหตุการณ์ และกล้องบางจุดอยู่ไกลเกิน หรือสูงเกินไปทำให้ภาพคนร้ายไม่ชัดเจน รวมถึงมีกล้องจำนวนมากที่ไม่สามารถใช้การได้ 

01

ซึ่งในประเด็นกล้องวงจรปิดนี้   พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. แถลงข่าว “ความจริงเรื่องกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) เหตุการณ์ระเบิดแยกราชประสงค์” โดย พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า มีข่าวที่ทำให้ กทม.เกิดความเสียหาย และทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ขอยืนยันว่า กทม.ได้ทำงานและร่วมมือกับตำรวจรวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคงมาโดยตลอด ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงได้ประสานขอดูกล้องวงจรปิดในพื้นที่เกิดเหตุมาแล้วทั้งหมด 48 ครั้ง และภาพที่ได้ส่วนใหญ่ก็เกิดจากกล้องของ กทม. โดยรอบพื้นที่เกิดเหตุมีกล้องทั้งหมด 107 ตัว ขณะนั้นมีกล้องชำรุดตามสภาพการใช้งาน 4 ตัวเท่านั้น และได้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว

“คดีต่างๆ ที่ผ่านมา ทุกคดีเกิดจากการดูหลักฐานจากกล้องวงจรปิดของ กทม. แต่ กทม.กลับไม่ได้รับการชมเชยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในคดีต่างๆ ต้องดูทั้งพยานหลักฐาน พยานบุคคล พยานแวดล้อม โดยมีกล้องวงจรปิดเป็นปัจจัยหนึ่งในการสอบสวนเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาการขอกล้องวงจรปิดจะต้องมีเอกสารมาขออนุญาต แต่ กทม.ก็อะลุ่มอล่วยบ้าง จึงขอให้เข้าใจการทำงานของ กทม.ด้วย” พล.ต.ต.วิชัย กล่าวและว่า กล้องของ กทม.ถือว่ามีมาตรฐานสูงมากในอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งบางจุดที่กล้องไม่สามารถตรวจภาพได้ชัดเป็นเพราะมุมของกล้องและระยะห่างของการติดตั้ง และกล้องมีหลายประเภทจึงต้องดูว่ากล้องแต่ละประเภทเป็นอย่างไร อาทิ กล้องจับทะเบียนรถยนต์จะเหมารวมว่าจะให้ชัดเช่นเดียวกับกล้องจับทะเบียนรถยนต์คงไม่ได้

เรื่องน่าสนใจ