ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงบ่ายของวันอังคารที่30มิถุนายน 2558 ทางนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ เจ๊ติ๋ม ทีวีพูลได้ปรึกษากับบรรดาคนใกล้ชิด กรณีหลังจากมีไลน์กลุ่มสำนักข่าวไทยทีวีหลุดคำพูดที่บีบพนักงานให้เขียนใบลาออกเองโดยไม่จ่ายเงินเยียวยาใดๆ ซึ่งภายหลังเจ๊ติ๋มออกมาสารภาพผ่านสื่อมวลชนแล้วว่าเป็นไลน์ที่ตนเองพิมพ์ขึ้นมาจริงๆ ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ไปในแง่ลบ
เพราะขนาดสำนักข่าวแห่งหนึ่งได้ลงบทความระบุว่า เจ๊ติ๋ม สื่อสารผิด = ฆ่าตัวตายทางอ้อม ซึ่งอ้างอิงจาก กอบกิจ ประดิษฐผลพานิช หัวหน้าภาควิชาการสื่อสารการตลาด คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่ระบุว่านายจ้างไม่ควรสื่อสารแบบผิดๆด้วยการชักชวนให้พนักงานลาออกเองและควรปฏิบัติตามกฏหมายคุ้มครองแรงงาน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางเจ๊ติ๋ม ได้ตั้งใจปล่อยข้อความในไลน์สำนักข่าวไทยทีวีอีกครั้ง ซึ่งเป็นการกู้ภาพลักษณ์ตนเองขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีข้อความว่า….
“ใครที่ยังไม่มีที่ไปทำงาน ก็ให้แจ้งที่เปี้ยกและเกตุ (เลขากอง บ.ก.) หรือHRเพราะเราสามารถหาที่ลงให้ได้ ส่วนข้างนอกจะพูดอย่างไงเราต้องอดทน มันแค่เป็นลมผัดผ่าน พวกเรายังต้องรักไทยทีวีเพราะทีนี่ทำให้เรามาเจอกัน เชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพสามารถเติบโตได้อีกแยะ
เพียงแต่ตนนี้เราต้องให้คนที่ยังไม่มีที่ไป สามารถอยู่ได้ วิกฤตครั้งนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด เดี๋ยวทุกอย่างสงบ เราก็เดินต่อได้ เราต้องมีสติ และอย่างสร้างเวรกรรมต่อกันนะคะ”
ทั้งนี้จากข้อความดังกล่าวที่ออกมานั้นไม่ได้ทำให้พนักงานไทยทีวีรู้สึกดีกับนายจ้างคนนี้ เพราะต่างรู้ว่าผู้บริหารไทยทีวีคนนี้มีความตั้งใจกำจัดพนักงานออกไป เพราะกระแสข่าวการลอยแพพนักงานโดยไม่เยียวยาได้ออกมาจากฝ่ายบริหารเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้พนักงานกว่า 50 คนได้รวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องร้องบริษัทไทยทีวีตามกฏหมายแรงงานอีกด้วย
นอกจากนี้ พนักงานไทยทีวีกำลังอยู่ในช่วงระส่ำระส่าย เพราะเจ๊ติ๋มได้ไล่ปลดพนักงานไปเรื่อยๆ ทั้งบรรณาธิการข่าว นักข่าว ผู้ประกาศข่าว เช่น นวลผ่อง ณ ถลาง ซึ่งอ่านข่าวคู่กับนายสุภาพ คลี่ขจายในช่วงคุยข่าวเย็น ก็โดนบีบจากผู้ประกาศข่าวไปทำงานเบื้องหลัง
รวมทั้งนายสุภาพก็คาดการณ์ว่าอาจจะต้องโดนด้วย และต่อไปจะกดดันพนักงานให้ลาออกเองโดยการโยกย้ายหน้าที่ให้ไปทำงานที่ตนเองไม่ถนัด ซึ่งเป็นการบีบไปในตัว โดยถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดบาป สร้างเวรสร้างกรรม ฆ่าชีวิตคนทางอ้อมอีกหลายครอบครัว
ซึ่งจากการนำเสนอข่าวดังกล่าวเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชน และ คุ้มครองแรงงานให้เกิดความเป็นธรรม