จากเด็กติดเกมขั้นหมกหมุ่น นิ่งเป็นหลับขยับเป็นคุยในห้องเรียน ทำไมถึงเรียนเก่งจนจะมีคำว่า นายแพทย์นำหน้าเร็วๆนี้ ควบคู่ไปกับการทำ‘ความฝัน’ จนกลายเป็นเดอะสตาร์ที่มีแฟนคลับมากที่สุดคนหนึ่ง ทำทั้งสองอย่างให้ดีที่สุดได้อย่างไร ? กุญแจสำคัญของความสำเร็จคืออะไร ? คำตอบ…ที่ใครใฝ่เรียนใฝ่ฝันและใฝ่หาความสำเร็จควรอ่าน!
แรงบันดาลใจที่อยากทำพ็อกเก็ตบุ๊ค ‘ทำทุกอย่างให้สุด Ritz”
“ริทไม่ได้ต้องการอวดอ้างสรรพคุณตัวเองและไม่ได้ต้องการเขียนชีวิตดาราเลยแต่ในฐานะที่อยู่ในจุดที่มีคนรู้จักและแฟนคลับจะมีเด็กๆในวัยเรียนค่อนข้างเยอะ
หลายๆคนเห็นริทเป็นแบบอย่างในเรื่องการเรียนหลายครั้งจะมีผู้ปกครองเดินจูงลูกเข้ามาหาแล้วบอกว่าแต่ก่อนน้องมีการผลการเรียนไม่ดีแต่พอได้เห็นริทเป็นตัวอย่างก็สามารถได้เกรดสี่หรือสอบติดโรงเรียนนั้นโรงเรียนนี้ได้ริทจึงคิดว่าถ้าริทได้ถ่ายทอดประสบการณ์ความคิดและชีวิตที่ตั้งใจและพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดตลอดมาคงเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนในวงกว้างมากขึ้นเพราะริทเชื่อว่าถ้าริททำได้คนอื่นก็ทำได้”
แต่การเรียนเก่งก็ต้องขึ้นอยู่กับสมองดีด้วย
“ริทไม่ได้มีต้นทุนเหนือใครเป็นเด็กติดเกมขั้นหมกมุ่นไม่ใช่เด็กเรียนที่อ่านหนังสือตลอดเวลาเป็นคนที่ความจำไม่ค่อยดีอีกต่างหากแต่ริทก็ทำตามความฝันสอบติดหมอได้แล้วก็ยังทำงานในวงการบันเทิงควบคู่ไปด้วยได้ไม่ใช่เรื่องสมองดีกว่าใครแน่นอนต้องมีอะไรมากกว่านั้น”
พูดถึงเรื่องเกมจะโกรธมาก ถ้าใครบอกว่าเด็กติดเกมเป็นเด็กไม่เอาไหน
“เกมเป็นอีกโลกหนึ่งของริทก็ว่าได้ที่ทำให้มีความสุขและสนุกริทเล่นเกมแต่การเรียนก็ไม่ได้เสียนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้ผู้ปกครองได้อ่านพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มนี้ แล้วเปลี่ยนทัศนคติใหม่เกี่ยวกับการเล่นเกมของลูกส่วนเด็กๆที่ติดเกมก็ลองอ่านแล้วดูริทเป็นตัวอย่างว่าเราสามารถเล่นเกมได้พร้อมๆไปกับทำผลการเรียนให้ดีไปพร้อมกันได้อย่างไร”
แถมยังเป็นเด็กที่ชอบหลับในห้องเรียน
“ในห้องหลับจริง หลับบ่อยมาก พออาจารย์สอนในสิ่งที่เรารู้แล้ว เราก็เริ่มไม่อยากฟัง ก็หันไปคุย พอเพื่อนไม่คุยด้วยก็หลับ หรือชื่อ ‘เรืองฤทธิ์’ จะถูกเรียกบ่อยมาก เพราะคุยเก่ง”
ไม่กลัวว่าจะได้ความรู้ไม่ครบ
“การเรียนไม่ใช่เราต้องเก็บเอาทุกเม็ดทุกหน่วย เราต้องเก็บใจความสำคัญที่หลักสูตรต้องการให้เรารู้ก็พอ และถึงผมจะหลับบ่อยๆ แต่ผมก็รู้ทุกอย่างที่หลักสูตรต้องการให้รู้ แล้วริทจะกลับมาทบทวนสิ่งที่อาจารย์สอน และถ้าไม่เข้าใจก็จะขอเลคเชอร์ของเพื่อนมาอ่าน หรือถามเพื่อนว่า ตรงที่เราไม่เข้าใจ อาจารย์สอนว่าอย่างไร”
แสดงว่ามีเทคนิคในการทบทวนความรู้ให้ทันเพื่อนในคาบที่หลับ
“ริทไม่ใช่คนอ่านหนังสือทุกวัน แต่ในช่วงก่อนสอบจะกลับมาทบทวน ริทชอบอ่านหนังสือเอง และอ่านหนังสือช้า แต่จะอ่านรอบเดียวจบ ไม่รีบ ไม่เร่ง ไม่กำหนดว่า วันนี้ต้องอ่านจบสองเรื่อง ริทจะอ่านจนเข้าใจ จะไม่ผ่านถ้ายังไม่เข้าใจ บางคนชอบอ่านเร็ว แล้วอ่านหลายๆ รอบ”
ยกตัวอย่างเคล็ดลับในพ็อกเก็ตบุ๊กที่สำคัญมีอะไรบ้าง
“อ่าน-คิด-เชื่อมโยง-เข้าใจ เป็นเคล็ดลับสำคัญอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น เวลาเรียนหรืออ่านหนังสือ ริทจะตีความว่า ความรู้ต่างๆ มันสอดคล้องกันอย่างไร ถ้าหาความสัมพันธ์กันไม่ได้ เพราะพื้นความรู้ที่มีอยู่เรายังไม่เพียงพอ
ริทจะพยายามหาคำตอบด้วยตัวเองก่อน ด้วยการค้นหาในอินเตอร์เน็ต ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็จะถามเพื่อนที่เก่งๆ ว่า อาจารย์สอนตรงนี้อย่างไร สุดท้ายถ้ายังไม่เข้าใจอีก ริทจะถามอาจารย์ จนกว่าจะเข้าใจจริงๆ”
เพื่อนก็มีส่วนสำคัญในการเรียน
“เป็นทั้งโชคดีและโชคร้ายของเพื่อน โชคร้ายคือ ริทชอบหลับในห้อง ก็จะรู้ช้ากว่าเพื่อน และเป็นภาระของเพื่อน พออาจารย์สอนจบหนึ่งคาบปุ๊บ ริทจะถามเพื่อนว่าอาจารย์สอนตรงนี้ว่าอย่างไรบ้าง โชคดีของเพื่อนคือ ริทจะชอบอธิบายให้เพื่อนฟัง เวลาที่มีเพื่อนมาถาม แล้วริทจะไม่ตอบแค่คำตอบ แต่จะไล่อธิบายตั้งแต่วิธีการคิด ไปจนได้คำตอบออกมา เช่น ริทถนัดคณิตศาสตร์ จะบอกว่า เปิดหนังสือหน้านี้ แล้วเอาสูตรนี้มาใช้ แล้วลองคิดแบบนี้ดู แล้วจะได้คำตอบนี้”
แต่ก็มีวิชาหนึ่งที่เป็นฝันร้ายของริท
“วิชาภาษาอังกฤษ เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของชีวิตการเรียนของริทเลยก็ว่าได้ หลายคนอาจจินตนาการไม่ออกว่า แย่ขนาดไหนต้องลองอ่านในพ็อกเก็ตบุ๊กดู ภาษาอังกฤษเป็นปมชีวิตของริทตลอดมา แต่จากจุดนั้นมีบางอย่างที่ผลักดันให้ ริทพยายามเอาชนะความกลัววิชานี้ จนสามารถชนะเลิศได้ “คะแนนยอดเยี่ยมอันดับ 1 ของประเทศไทยในวิชาภาษาอังกฤษ ของสถาบันเสริมปัญญา และทำให้ริทเรียนรู้ว่า ถ้าเรามีความมุมานะพยายาม การประสบความสำเร็จในการเรียน ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปที่จะทำได้”
แล้วใครคือแรงบันดาลใจสำคัญผลักดันให้ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
“ริทคิดว่าพ่อและแม่ตั้งแต่เด็กริทเห็นพ่อแม่สร้างเนื้อสร้างตัวจากแต่ก่อนที่มีบ้านชั้นเดียวครอบครัวเรามี 5 คนต้องนอนรวมกันในห้องเดียวจนตอนนี้มีตึกแถว 3 ชั้นได้นอนคนละห้องก็เลยมีความตั้งใจเองว่าจะพยายามเรียนให้เก่งเพื่อให้พ่อและแม่ได้ภูมิใจ
แล้วยังมีเหตุการณ์หนึ่งที่จำได้ติดใจเลยวันหนึ่งสมัยเด็กๆแม่ไปส่งริทและน้องชายที่โรงเรียนตอนลงจากรถแม่ก็ยื่นเงิน 20 บาทให้น้องเป็นค่าบำรุงห้องสมุดแต่ไม่ให้ริท
แม่บอกว่าริทโตและมีเงินเก็บแล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่ยอมเถียงๆ จนแม่พูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆว่าแค่นี้ทำไมริทยอมไม่ได้เลยหรือลูกแล้วก็เห็นน้ำตาแม่วันนั้นจำได้ว่าเรียนไม่รู้เรื่องเลยรู้สึกผิดมีความคิดว่าจะไม่ทำให้คนที่เรารักที่สุดต้องเสียน้ำตาด้วยความเสียใจอีกยิ่งเป็นเรื่องที่ตอกย้ำให้ริทพยายามเรียนและทำทุกอย่างให้เต็มที่เพื่อไม่ให้แม่ต้องเสียน้ำตาเพราะริทอีก”
สรุปอ่านพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มนี้จบจะได้อะไร
“นอกจากวิธีคิดผ่านเส้นทางชีวิตและ 15 เคล็ดลับการเรียนเก่งที่ริทใช้มาตลอดการเรียนแล้วในพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มนี้จะเห็นว่าริทใช้ภาษาอังกฤษอยู่ 3 D คือ Duties Dreams และ Do You Best ริทเชื่อว่าคนที่จะประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตจะต้องทำทั้งสองอย่างคือหน้าที่และความฝันให้ดีที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องทิ้งสิ่งหนึ่งเพื่อสิ่งหนึ่งซึ่งริททดลองมาแล้วและอย่างที่ย้ำเสมอว่าริทเป็นคนธรรมดาถ้าริททำได้ใครๆก็ทำได้”