ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ

“น้อง” สาวไทยเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร-รถเข็นขายอาหารร้าน “Nong′s Khao Man Gai” และยังทำน้ำจิ้มข้าวมันไก่บรรจุขวดขายในซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นของรัฐออริกอน สหรัฐอเมริกา

14321809971432181102l

ร้านอาหารและรถเข็นของเธอขายเพียงอย่างเดียวคือ “ข้าวมันไก่”

แต่เส้นทางชีวิตของน้องไม่ธรรมดา เธอเป็นสาวกรุงเทพฯ แต่กำเนิด มาจากครอบครัวที่แม่มีอาชีพเป็นลูกจ้างทำอาหารในร้านอาหาร ส่วนพ่อของเธอไม่มีงานทำและติดเหล้า เธอมีความทรงจำที่ขมขื่นในชีวิตวัยเด็ก เพราะพ่อทุบตีและทำร้ายจิตใจเธอ พี่ แม่ และหมาของเธอทุกวัน เธอสารภาพว่า เธอรู้สึกเหมือนนรกระหว่างที่เธอโตขึ้นมา เธออับอายเกี่ยวกับสภาพครอบครัวเสมอ ความฝันของเธอคือไปให้ไกลที่สุดจากที่ที่เธอเติบโตมา

00001

และในที่สุด เธอก็มายืนอยู่ในสหรัฐอเมริกา อีกฟากหนึ่งของโลก

“น้อง” มาสหรัฐฯ ในวัย 23 ปี ด้วยเงินติดตัว 300 ดอลลาร์ ด้วยความเป็นหญิงสาวในระหว่างทางที่เธอบินมาอเมริกา เครื่องแวะเกาหลี เธอได้ใช้เงิน 230 ดอลลาร์ เพื่อซื้อน้ำหอมชาแนล ผ่านมา 11 ปี เธอยังใช้น้ำหอมขวดนั้นอยู่ เธอจึงเหลือเงินติดตัว 70 ดอลลาร์

หลังจากเธอเดินทางมาได้ 3 สัปดาห์ เธอก็ได้งานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหาร เธอไม่เคยได้เรียนหนังสือที่อเมริกาเลย และใช้เวลาทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ เช้าจรดเย็นเพื่อทำงาน เธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

เธอเล่าอย่างติดตลกช่วงชีวิตที่มาอยู่อเมริกาใหม่ๆ ว่า เธอคิดว่าเธอพูดอังกฤษได้ แต่ไม่มีใครเข้าใจที่เธอพูดเลยสักคน

00000

สุดท้าย เธอพูดภาษาอังกฤษคล่องแคล่วโดยเรียนภาษาอังกฤษจากการทำงาน ขณะเดียวกันเธอพยายามจะหางานอื่นทำ แต่ไม่มีใครรับเธอเข้าทำงานเลย

กระทั่ง อยู่สหรัฐฯ เกือบปี เธอตัดสินใจไปสมัครงานเป็นคนทำอาหารในร้านแห่งหนึ่ง ก่อนจะคิดริเริ่มธุรกิจร้านอาหาร โดยเริ่มจากการเปิด รถเข็นขายอาหารร้าน

เธอนึกถึง ข้าวมันไก่ และคิดว่าฝีมือการทำอาหารให้อร่อยและดีนั้น ถ้าสามารถทำเพียงจานเดียวให้ดีได้ ธุรกิจของเธอจะไปรอด เหมือนที่ร้านอาหารในไทยหลายร้านประสบความสำเร็จ เธอจึงใช้เวลาทุกๆ วันหลังเลิกงาน ฝึกทำข้าวมันไก่ หาไก่จากหลายๆ ที่ และฝึกทำน้ำจิ้มหลากหลายสูตร ทุกอย่างเกิดขึ้นในครัวของอพาร์ตเมนท์ เธอเพียรทำเพื่อหาความลงตัวของสูตรข้าวมันไก่ทุกๆ วัน

0002

ตอนที่เธอพยายามทำ เธอไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่เธอก็ทำมัน ส่วนครอบคัวของเธอที่ไม่เคยมีใครทำธุรกิจมาก่อน ก็ไม่สนับสนุนเธอเลย

เธอใช้เงินทั้งหมดที่มีเพื่อทำธุรกิจ หลังจากทำธุรกิจได้ 1 ปีครึ่ง เธอค้นพบว่าเธอทำข้าวมันไก่ให้อร่อยอย่างเดียวไม่พอ เธอต้องเรียนรู้การทำธุรกิจ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ เธอต้องเป็นผู้นำ จนในที่สุด ทุกคนเรียกเธอว่า “เชฟน้อง”

เธอเล่าว่า เธอจะไม่มีวันนี้ ถ้าเธอไม่มีทีมงานทั้ง 19 คน ที่ทำงานด้วย และเธอเองก็เคยทำผิดพลาดมามากในฐานะผู้ประกอบการ

“สิ่งที่ฉันเรียนรู้จนมาถึงตรงนี้คือ ตลอดมาฉันต้องการจะทำทุกอย่างให้เพอร์เฟ็กต์ แต่ฉันไม่มีทางทำได้ และความจริงจุดนั้นเหมือนยังห่างไกล แต่การเดินทางของฉันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ฉันพบว่ามันไม่มีจุดจบ เส้นที่ขีดไว้ให้ไปถึงสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ว่าสถานการณ์ที่คุณเผชิญอยู่จะแย่แค่ไหน เชื่อในตัวเอง เชื่อว่าตัวเองทำได้ สำคัญที่สุดคือลงมือทำ! และเมื่อคุณมีโอกาส ลงมือทำมัน ทำให้ยิ่งใหญ่! ทำมากกว่าที่ผู้คนคาดไว้ แล้วคุณจะเซอร์ไพร์สกับผลลัพธ์ของมัน”
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่เธอกล่าวบนเวที TEDx Talks

เรื่องน่าสนใจ