หลายคนยังคง งง สับสน การปฏิบัติตัว หรือเกี่ยวกับอาหารการกินหลังทำศัลยกรรม ว่าตกลงอะไรทานได้หรือทานไม่ได้ และยังมีข้ออื่นๆที่ยังมีข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมอื่นๆอีกด้วย ซึ่ง คุณหมอแพทย์อดุลย์ชัย แสงเสริฐ ได้รวบรวม เรื่องที่คนไข้ส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมไว้ให้ได้อ่านเป็นความรู้กัน ซึ่งโดดเด่นก็ได้เรียบเรียงมาฝากเพื่อนๆด้วยค่ะ ลองไปอ่านดูว่าตัวเราเองอยากทำสวยทำหล่อ แต่ยังมีข้อมูลผิดๆเหล่านี้อยู่หรือไม่ ก็จะได้กระจ่างใจค่ะ
ตามความเชื่อแบบโบราณ และแบบคนทั่วไป เวลาหมอเกิดแผลก็มักบอกว่า ห้ามกินไข่ !! เดี่ยวจะเป็นแผลเป็น หรือไม่ก็จะเป็น keloid เลยทำให้คนไข้ หลายคนไม่ว่าจะผ่าตัดเล็กหรือใหญ่ มักจะถามหมอว่า ห้ามกินไข่ใช่ไหม?? ทางการแพทย์แล้ว คำว่า ของแสลงจริงๆนั้นไม่มี แต่เรามักให้คนไข้หลีกเลี่ยงอาหารบางอย่างที่ไม่สะอาด เช่น ปลาร้า ของหมัก ของดอง และ ของมึนเมา เพราะของพวกนี้ไม่สะอาด ไม่สด อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
สำหรับไข่ กับแผลเป็น แผล keloid นั้นปกติ ไม่เกี่ยวข้องกันซักทีเดียว ไข่นั้นมีโปรตีน ที่ช่วยให้ร่างกายสร้าง collagen ที่ให้แผลหาย แต่การเกิดแผลเป็น และ keloid นั้น เกิดจากไม่สมดุลกันของร่างกายที่สร้าง collagen ปริมาณมากเกินไปในขณะที่แผลหาย จึงทำให้เกิดแผลเป็น นูน หรือ keloid ได้
ดังนั้นในคนที่เป็นแผลแล้วไม่เกิดแผลเป็น ต่อให้กินไข่ซัก 1 โหลต่อวัน ก็ไม่ทำให้เกิดแผลเป็นนูน แต่ในคนที่มีโอกาสเกิดแผลเป็นนูน อยู่แล้วต่อให้ไม่กินเลย ก็เกิดขึ้นได้ เพราะลักษณะ การเกิดแผลเป็นนูนนั้นเป็นลักษณะที่ถ่ายทอดมาจากพันธุกรรมนั่นเอง
Silicone ที่เรานำมาเสริมจมูกนั้นเป็น Medical grade Silicone ถ้าเราเอามันวางไว้เฉยๆ มันก็จะคงรูปทรงและรูปร่างแบบนั้นไปจนถึงวันสิ้นโลก แต่เหตุผลที่คุณหมอหลายๆท่านแนะนำให้เปลี่ยนเพราะว่า เมื่อเราใส่ Silicone เสริมจมูกเข้าไปในร่างกายเราแล้ว ร่างกายของเราจะตอบสนองต่อ Silicone โดยการสร้างเนื้อเยื่อมาหุ้ม(Capsule) เมื่อระยะเวลาผ่านไปนานๆ Capsule นั้นจะมีความแข็งแรงขึ้น และสามารถบิดหรือเปลี่ยนรูปทรง Silicone นั้นได้ หรือ อาจมี Calcium จากร่างกายของเรามาเกาะบริเวณรอบๆ Capsule นั้นทำให้ รูปร่างที่เห็นภายนอกนั้นเป็น ตะปุ๋ม ตะป่ำ ไม่เรียบได้ ( Calcium ที่สร้างจากร่างกายนั้น บางคนเป็น บางคนไม่เป็น)
สรุปก็คือจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็ได้ถ้าจมูกไม่มีปัญหา แต่สรีระร่างกายใบหน้าที่เปลี่ยนไปตามวัย จมูกที่สวยเข้ากับหน้าแบ๋วๆ ตอนอายุ 20 พออายุ 30 -40 มันอาจไม่เหมาะแล้ว หรืออาจจะคิดง่ายๆ ว่า ขนาดบัตรประชาชนยังเปลี่ยนทุก 6 ปีเลย จมูกและใบหน้าเรามันย่อมเปลี่ยนอยู่เสมอ และแน่นอนมันอาจจะไม่สวยงามเหมือนช่วงปีแรกๆที่ทำ
อันนี้ต้องเรียกว่าเป็นผลพลอยได้มากกว่า และผลพลอยได้นั้นไม่ได้กับทุกคน การเสริมจมูกนั้น สิ่งที่คนไข้จะได้แน่ๆคือ ดั้งจมูก !!! รับลองว่าโด่งขึ้นแน่ แต่สำหรับปีกจมูกนั้น ในรายที่ปีกจมูกบานไม่มาก เนื้อน้อย ก็มักดูเล็กลง แต่สำหรับคนที่เนื่อปลายจมูกเยอะ ปีกจมูกบานมากๆก็จะดูไม่หุบต้องตัดปีกจมูกร่วมด้วย
filler คือ สารเติมเต็ม ถ้าเราไม่คิดถึงแหล่งที่มา ว่าจริงๆแล้วมันผลิตมาจาก การหมักของ แบคทีเรีย Streptoccocus equi โดยหลักการเติมของ filler คือ ในเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง ( subcutaneous ) มีรูพรุน ลักษณะเหมือนฟองน้ำอยู่ เมือคุณหมอฉีด filler เข้าไป ตัว filler จะเข้าไปเติมเต็ม รูพรุนเหล่านั้น ทำให้ชั้นไขมันผิวหนังนั้นหนาตัวขึ้น
คราวนี้พอระยะเวลาผ่านไป Filler ยุบลงหายไป การฉีด filler นั้นตัว filler ต้องมีตัวนำครับ ( คล้ายๆ การจับคู่ — filler หลายชนิดก็มีการจับคู่กับ สารแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่มักจับคู่กับน้ำ ดังนั้นเมือ น้ำซึมออกไปจากตัว filler ตัว filler จะยุบลงแต่โครงสร้างโมเลกุลของ filler จะยังอยู่ในรูพรุนของ เนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง !!!
ดังนั้น เมื่อรูพรุนที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังมันตันแล้ว จะเอารูที่ไหนไปให้ filler กล่องใหม่ฉีดอีก ?? แต่ต้องบอกว่า มีคนไข้ที่จมูกยุบไปแล้วกลับไปฉีดเติม แน่นอนว่าโด่งได้อีก แต่คราวนี้หลายคนได้ของแถมกลับมาด้วยคือ รอยแดงๆ ผิวแดงๆบริเวณที่ฉีด เหตุผลก็คือ filler หลอดใหม่จะเข้าไปอัดกันแน่นในรูพรุนนั้น ทำให้เนื่อเยื่อแล้วผิวหนังตึงขึ้น เมื่อผิวหนังตึงมากๆ ร่างกายเราจะมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยการ เพิ่มปริมาณเลือดเข้าไปเลี้ยง ซึ่งก็คือรอยแดงๆที่เกิดขึ้นนั่นเอง
และ filler เค้าไม่ได้ออกแบบมาให้ ฉีดจมูก เสริมคาง แม้ว่า FDA ของไทย หรือ ของ สหรัฐจะอนุญาติให้ใช้ได้ แต่เค้าก็ให้ใช้ในกรณีเติมร่องลึกๆต่างบนใบหน้า ไม่ได้อนุญาติให้เอามา Augment ( เสริม )
แน่นอน มียาสลาย filler จริงๆ ยาสลาย filler มันสลายจริงๆ แต่ไม่สามารถสลายไปได้ทั้งหมด เพราะตอนนี้ เนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนังจะอุดมไปด้วย filler แล้วจะมีช่องให้ยาสลาย filler มันแทรกเข้าไปสลายได้ยังงัย ?? ดังนั้นมันจึงสลายได้เป็นจุดๆไป ก็จุดที่ฉีดเท่านั้น
ปลายไหมเสริมจมูกที่เลื่อนมาอยู่ที่ปลายจมูกมันเป็นไปไม่ได้ แล้วตัวไหมเองก็เป็น ไหมละลายธรรมดาๆ ต่อให้จะโฆษณาว่ามันเป็นไหมวิเศษแค่ไหนก็ตาม มันไม่มีทาง สร้าง collagen ได้หนา ได้โด่ง ได้เด่งขนาดนั้น ไม่งั้น ไอ้ที่เอาไปร้อยหน้าเรียว ซึ่งเป็นไหมชนิดเดียวกัน ป่านนี้มันไม่ กลายเป็นหน้าอูม จาก Collagen ที่สร้างไปหมดแล้วหรอ สรุปก็คือมันเป็นไปไม่ได้ อาจจะแค่ดูโด่งขึ้นหลังทำเพราะอาการบวมของผิวหนังมากกว่า
ขอบคุณบทความโดย นายแพทย์อดุลย์ชัย แสงเสริฐ
ที่มาจาก gamesgrandmasterclinic.blogspot.com
เรียบเรียงเนื้อหาโดย Dodeden.com