เมื่อวันที่ 22 ส.ค. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษกตร. เปิดเผยว่า ส่งภาพสเก็ตช์ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุระเบิด บริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ให้กับตำรวจสากล 190 ประเทศเพื่อช่วยติดตามตัวคนร้ายแล้ว ซึ่งเป็นไปตามธรรมเนียมของตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล
ส่วนเหตุระเบิดท่าเรือด่วนสาทร ที่มีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด พบชายเสื้อฟ้ามีพฤติกรรมต้องสงสัย ใช้เท้าถีบของลงน้ำ ก่อนจะเกิดเหตุระเบิดขึ้นในวันต่อมา เบื้องต้นตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว แต่กล้องอยู่ในระยะไกลจึงไม่สามารถจับใบหน้าชายต้องสงสัยได้ชัดเจน และตำรวจยังไม่ตัดประเด็นการโยนลงจากสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน
แม้ภาพจากกล้องวงจรปิดจะไม่สามารถจับภาพวัตถุขณะหล่นลงมาได้ก็ตาม ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ยอมรับการคลี่คลายคดีระเบิดเป็นเรื่องยาก และเตรียมลงพื้นที่สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนนักท่องเที่ยว
เมื่อถามถึงข่าวผู้ก่อเหตุแยกราชประสงค์เป็นคนต่างชาติและคลั่งศาสนา พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า ข้อมูลทั้งหมดให้ตรวจสอบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้น หลังพบว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่สร้างความตื่นตระหนกในโซเชียลมีเดีย ทั้งนี้คดีระเบิดที่แยกราชประสงค์ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า ร.ต.ท.พงษ์ศาสตร์ นนท์ตา อายุ 44 ปี พนักงานสอบสวน สน.สำเหร่ โพสเฟซบุ๊กอ้างว่าจะเกิดความรุนแรง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างพิจารณาโทษความผิด เนื่องจากสอบสวนแล้วไม่พบความเชื่อมโยงกับเหตุที่เกิดขึ้น จึงถือว่าเป็นการสร้างความตื่นกลัวให้กับสังคม
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ กับระเบิดที่สะพานสาทร น่าจะเป็นระเบิดชนิดเดียวกัน คือทีเอ็นที เนื่องจากพบชิ้นส่วนจากที่เกิดเหตุทั้ง 2 ที่เหมือนกันคือ ท่อแป๊บ และลูกปรายจำนวนมาก อย่างไรก็ตามจากเชื่อว่าไม่น่าจะประกอบระเบิดมาเพียง 1-2 ลูก น่าจะประกอบมากกว่านั้นไม่กว่า 4-5 ลูก จากการตรวจสอบย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ไม่เคยพบวิธีการก่อเหตุระเบิดแบบนี้มาก่อนในประเทศไทย
เชื่อว่าน่าจะเป็นวิธีประกอบระเบิดของต่างประเทศ ขณะเดียวกันจากข้อมูลการตรวจสอบพบว่าเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา มีชาวต่างชาติ (ไม่รู้สัญชาติ) เข้ามาสอนประกอบระเบิดชนิดดังกล่าวในประเทศไทย โดยระเบิดทีเอ็นทีจะมีน้ำหนักมาก จึงทำให้มีอานุภาพทำลายล้างสูง จนก่อให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
ขณะนี้ทางชุดสืบสวนได้ไล่ตรวจสอบพบกล้องวงจรปิดถึงบริเวณแยกสาทรแล้ว เพื่อตรวจสอบว่า ผู้ต้องสงสัยดังกล่าวใช้พาหนะใดเดินทางมาก่อเหตุ ทั้งนี้ เนื่องจากระเบิดทีเอ็นเอสามารถจุดชนวนได้ 2 แบบ คือแบบฝักแคหรือตั้งเวลาด้วยการจุดชนวน ที่สามารถตั้งเวลาได้สูงสุดประมาณ 12-16 ชั่วโมง ส่วนอีกแบบต่อด้วยวงจรไฟฟ้า ที่อยู่ได้อย่างน้อย 4 วัน ดังนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนต้องไล่กล้องวงจรปิดย้อนกลับไปก่อนเกิดเหตุอย่างน้อย 4 วัน เพื่อดูว่ามีบุคคลใดที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยจะเป็นคนร้ายบ้าง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการระเบิดที่สะพานสาทรนั้นคนร้ายจงใจจะให้ระเบิดทำงานในวันที่ 18 ส.ค.เวลาช่วงบ่ายตามที่ระเบิดจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการนำระเบิดมาทิ้งเพื่อทำลายหลักฐานหลังก่อเหตุที่ศาลท้าวมหาพรหมสำเร็จแล้ว แต่ที่แน่ใจคือ จุดประสงค์การระเบิดที่สะพานสาทรนั้น ไม่ได้มีเจตนาจะให้มีคนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เพราะคนร้ายใช้เท้าเขี่ยระเบิดทิ้งคลอง ซึ่งต้องทราบดีอยู่แล้วว่าการที่หล่นลงไปในน้ำจะทำให้อานุภาพของระเบิดลดน้อยลง
ในส่วนของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่ลงรูปชายใส่เสื้อเชิ้ตมีลายยืนอยู่บนสะพานสาทรในวันที่ 18 ส.ค. โดยมีการระบุว่าเป็นเวลาก่อนที่ระเบิดจะทำงานนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าชายคนดังกล่าวเป็นคนละคนกับชายที่เตะระเบิดลงคลอง และจะไม่มีการเรียกชายคนดังกล่าวมาสอบปากคำแต่อย่างใด เนื่องจากไม่พบความเกี่ยวข้อง
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ภาพวงจรปิดชายต้องสงสัยใส่เสื้อฟ้าที่วางระเบิดท่าเรือสาทรอีกมุมแล้ว เป็นภาพที่เดินมาจากซอยจรัสเวียง เชิงสะพานตากสิน เขตบางรัก กทม. โดยพบผู้ต้องสงสัยเป็นชายหนุ่มผมสั้น หน้าตี๋ เดินสะพายกระเป๋าและถือถุงพลาสติกคาดใส่ระเบิด พร้อมกับถือแท๊บเล็ตเหมือนดูเป็นแผนที่เดินทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวชายต้องสงสัยมาสอบสวนโดยเร็ว