ที่มา: dodeden

นายแพทย์ภัทรพล  จึงสมเจตไพศาล รองโฆษกกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม นี้ เป็นช่วงการเปิดภาคเรียนเลื่อนระดับชั้น และเด็กนักเรียนได้เจอกับเพื่อนใหม่ ซึ่งมีโอกาสที่เด็กจะเสี่ยงติดโรคไข้หวัดจากเพื่อนได้

จากข้อมูลเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ จากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม  –   20 มีนาคม 2560 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่จำนวน 16,754 ราย จาก 77 จังหวัด คิดเป็นอัตราป่วย 25.61 ต่อแสนประชากร เสียชีวิต 2 ราย

กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด เรียงตามลําดับ คือ 7-9 ปี (11.10 %) 10-14 ปี   ( 11.07 % ) และ 25-34 ปี  (10.87 %) จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่ากลุ่มเด็กในช่วงอนุบาลถึงประถมต้นมีโอกาสในการติดเชื้อไข้หวัดได้สูงมาก

เนื่องจากเด็กในช่วงวัยดังกล่าวมีภูมิต้านทานต่ำ เป็นวัยที่คลุกคลีกับเพื่อนหลายคนกินด้วยกัน นอนด้วยกัน ทำให้มีโอกาสติดเชื้อโรคไข้หวัดจากเพื่อนได้ ซึ่งสามารถลุกลามแพร่กระจายจากหนึ่งไปสองและแพร่กลับไปครอบครัวได้ สาเหตุการเกิดโรคไข้หวัดมักติดจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนจากการสูดดมเอาละอองน้ำมูกหรือน้ำลายที่ผู้ป่วยไอออกมา หรือการใช้สิ่งของร่วมกับเพื่อน เมื่อติดแล้วจะส่งผลให้มีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกาย จาม และมีน้ำมูก อาจลุกลามป่วยจนถึงเข้าโรงพยาบาลหรืออาจเสียชีวิตได้

นายแพทย์ภัทรพล กล่าวต่อว่า วิธีการป้องกันโรคไข้หวัดให้ห่างไกลจากเด็ก ผู้ปกครองและโรงเรียนมีส่วนสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับเด็ก ควรสอนให้เด็กปฏิบัติตามสุขบัญญัติจนเป็นนิสัย ดังนี้ 1) สอนให้เด็กล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหารและหลังขับถ่าย 2) ผู้ปกครองควรพาเด็กทำกิจกรรมออกกำลังกายในช่วงเช้าหรือเย็น และควรหากิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ทำ

3) การดูแลรักษาร่างกาย และของใช้ให้สะอาด เช่น การอาบน้ำให้สะอาดทุกวัน การตัดเล็บมือเล็บเท้าให้สั้นอยู่เสมอ การใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ไม่อับชื้น และให้อบอุ่นพียงพอ 3) ทำจิตใจให้สดใส นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จัดสรรเวลาในการดูโทรทัศน์ และเล่นโทรศัพท์มือถือ ควรนอนดึกไม่เกิน 4 ทุ่ม จัดเก็บของใช้ให้เป็นระเบียบ นอนในห้องนอน ที่สะอาด ทำความสะอาดผ้าปูที่นอน หากเปิดแอร์ควรเปิดอุณหภูมิที่เหมาะสมไม่เย็นจนเกินไปหรือที่ 25 องศาเซลเซียส หากเปิดพัดลมไม่ควรเปิดพัดบริเวณด้านหน้าของเด็กโดยตรง

เนื่องจากอาจทำให้เด็กแพ้อากาศมีโอกาสทำให้เป็นไข้หวัดได้ง่าย 4) ให้ใช้ช้อนกลางขณะรับประทานอาหารเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อหวัด ทั้งนี้แนะทางโรงเรียนควรมีการตรวจสุขภาพ เฝ้าระวังเด็ก และฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดในช่วงเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นในการเข้าสู่ภาคเรียน

หากพบเด็กไม่สบายมีน้ำมูก จาม เป็นอาการเริ่มของการเป็นไข้หวัด  ให้ทางโรงเรียนติดต่อผู้ปกครองมารับเด็กไปพบแพทย์ และให้เด็กลาหยุด ถ้ายังไม่หายป่วยไม่ควรมาโรงเรียน เพราะอาจแพร่เชื้อสู่เพื่อนได้ เมื่อหายป่วยให้มาโรงเรียนได้ตามปกติ ทั้งนี้ผู้ปกครองนอกจากดูแลสุขภาพลูกแล้วควรดูแลสุขภาพของตนเองให้สมบูรณ์แข็งแรงโดยปฏิบัติตามสุขบัญญัติได้เช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดที่อาจแพร่เชื้อสู่ลูกได้  

ทั้งนี้ ขอให้ผู้ปกครองและโรงเรียนดูแลเด็กให้มีสุขภาพที่แข็งแรงปฏิบัติตามสุขบัญญัติโดยให้เด็กปฏิบัติจนติดเป็นนิสัย เพื่อสุขภาพที่ดีป้องกันการแพร่เชื้อไข้หวัดในโรงเรียนและครอบครัวต่อไป สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hed.go.th กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ

เรื่องน่าสนใจ