ที่มา: sanook

เปิดใจ “หลิน” Let Me in Thailand คนแรกที่ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เผยระหว่างรักษาตัว ทั้งแพ้ยา ทั้งอาเจียน ทรมานมากจนนอนไม่ได้เลย ไม่ได้คิดว่าจะออกมาสวย แค่อยากให้ออกมาดีกว่าเมื่อก่อน

01

กลายเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังรายกาย “Let Me In Thailand” ออกอากาศเทปแรกไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และสาวไทยคนแรกที่ถูกคัดเลือกให้เปลี่ยนชีวิตใหม่ บินตรงไปศัลยกรรมถึงเกาหลีคือ “หลิน วงศ์ตะวัน ภานุประทีป” ที่อดีตเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย ต้องทนทุกข์กับการถูกล้อว่า “แก้วหน้าม้า”

จากคนที่ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่กล้าถ่ายรูป เพราะโดนเพื่อนๆ นำปมด้อยมาล้อ และเรียกว่า “แก้วหน้าม้า” แทนชื่อเล่น อีกทั้งไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับเพราะหน้าตาไม่ดี แต่หลังจากได้รับการคัดเลือกจากทางรายการ ไปทำศัลยกรรมใหม่ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป วันนี้เธอจะมาเปิดใจว่า เธอเปลี่ยนไปอย่างไรและกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง

02

ปรับตัวไม่ทันหลังรายการออกอากาศ

เป็นประโยคแรกที่สาวหลินเปิดใจกับทางทีมข่าวเราเพราะหลังจากที่รายการออกอากาศแล้วนั้น เธอเล่าว่า กระแสตอบรับที่ส่งตรงมาถึงเธอนั้นมาแบบล้นหลามทั้งเฟชบุ๊คและอินสตาแกรมนั้นมียอดฟอลโล่พุ่งขึ้นจนเธอรู้สึกตกใจ “หนูตกใจนะแบบว่าหนูปรับตัวไม่ทันทุกคนเข้ามาเยอะมากทีแรกหนูคิดว่าน่าจะไม่มีใครรู้จักขนาดนี้ คอมเม้นท์ส่วนใหญ่ก็เข้ามาให้กำลังใจพี่หลินสู้ๆ นะดูอยู่ อะไรแบบนี้พี่หลินพี่โชคดีมากเลยนะประมาณนั้นค่ะ”

ไอ้เหยิน แก้วหน้าม้า คำล้อที่เจ็บที่จนพูดไม่ออก

“เพื่อนเริ่มล้อหนูยังไม่รู้สึกตัวเองผิดปกตินะคะตอนนั้นแต่ก็เริ่มไม่มีความมั่นใจไม่เข้าร่วมกิจกรรมอะไรเลย ไอ้เหยิน แก้วหน้าม้า ครั้งแรกที่ได้ยินคือรู้สึกแบบเหยินจริงหรอ แล้วก็โดนล้อแบบนี้ไปจนถึงมหาลัยมันเลยเป็นปมให้หนูไม่มั่นใจไม่กล้าแสดงออก แล้วตอนประมาณ ป.6 ก็โดนเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มเอาลิควิดไปเขียนบนโต๊ะเรื่องมันมีอยู่ว่าหนูงอนกับเพื่อนคนหนึ่งแล้วกลายเป็นว่าเพื่อนไปหาพวกมารวมกลุ่มกันแล้วก็เขียนที่โต๊ะเลย รุ่งเช้าขึ้นมาก็เต็มโต๊ะเต็มเก้าอี้ไปหมดตัวใหญ่ๆ หนูเจ็บมากเลยตอนนั้นแต่หนูไม่ได้แสดงออกทำปกติแต่พอกลับไปที่บ้านก็น้ำตาตกบ่อยมาก แต่อยู่กับเพื่อนก็ทำปกติเวลาเพื่อนล้อหนูก็ทำเฉยทำเหมือนไม่ได้ยิน ไม่ให้เพื่อนรู้ค่ะ”

03

“พีคสุดคือไปสมัครงานก็ไม่ได้ จริงๆ บ้านหนูก็ไม่ได้ยากจนมากแม่หนูจะเริ่มทำธุรกิจแล้วแม่เขาก็เอาเงินลงทุนกับทุกอย่างหมดเลยแต่ผลตอบรับกลับมามันไม่ได้เท่ากับที่เราทุ่มทุนไป ทำให้เงินที่บ้านหมุนไม่ทัน ตอนนั้นที่บ้านแบบลำบากสุดๆ ลำบากจนมองไม่เห็นทางแล้วไปเรียนก็สงสารแม่ไม่มีเงินให้ หนูก็เลยตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยตอนนั้นอยู่ปีสามเทอม”

ก็เลยจะไปหางานทำช่วยแม่แต่มันก็ตอกย้ำเข้าไปอีกแบบหนูไปสมัครงานใช้วุฒิ ปวช.เขาก็ให้เขียนใบสมัครทิ้งไว้แล้วก็บอกเดี๋ยวโทรเรียกแต่ก็เงียบหนูว่าที่เขาไม่รับหนูมันน่าจะเป็นเพราะบุคลิกหนูด้วย เพราะตอนที่ฟันหนูยื่นคือหนูไม่ยิ้มเลยไม่มีความมั่นใจพูดกับคนอื่นหนูก็ไม่สบตามันก็เลยเสียบุคลิกไปเลย หน้าเหมือนคนมีปัญหาอยู่ตลอดเวลาแบบหน้าไม่รับแขก แต่จริงๆ คือหนูไม่มีอะไรนะแค่ไม่กล้ายิ้มแค่นี้หนูก็พอจะรู้แล้วแหละหน้าตามันไม่เป็นมิตรกับใครเลย”

ชีวิตเปลี่ยนเมื่อได้พบรายการ Let Me In Thailand

“หนูเห็นประกาศทางเว็บไซต์ก็เลยลองสมัครดูไม่ได้หวังว่าจะได้นะแค่ลองเคยดูของเกาหลีก็เลยลองดู ก็รอประมาณสองเดือนเขาถึงติดต่อมาคัดเลือกรอบ 240 คน เห็น 240 คนนี้มาก็แบบโหไม่ได้แน่เลย หลายคนหนักกว่าหนูเยอะเลย ตอนนั้นเลยคิดดีแล้วที่เป็นแบบนี้เราดีกว่าคนอื่นแล้ว แม่หนูบอกหลินกลับเถอะลูกไม่ได้แน่เลยแม่บอกดูๆ คนอื่นที่เขาหนักกว่า แค่เคสหลินคุณหมอเขาสกรีนก่อนว่าทำได้หรือทำไม่ได้แล้วระยะเวลาในการทำอีกมันมีเวลาแค่ 3-4เดือน ทำออกมาแล้วมันจะเห็นผลหรือไม่เห็นผลซึ่งมันจะมี ข้อจำกัดของเวลาด้วย อายุด้วยจะสามารถผ่าตัดได้หรือไม่คือทุกอย่างมันก็จะมีแบบแผนในส่วนของที่คุณหมอเขาวางไว้”

04

สารพัดความรู้สึก 8 ชั่วโมงในห้องผ่าตัด

“ก็ตื่นเต้นดีใจแต่ไม่รู้สึกกลัวหนูอยากไปเกาหลีมากๆ ก็ต้องไปอยู่ที่นั้นสามเดือนใจตอนแรกอยากผ่าตัดเร็วๆ อยากเห็นหน้าตัวเองเร็วๆ พอจะผ่าจริงๆ กลัวไม่ตื่นกลัวหลับไปเลยเพราะขึ้นไปบนเตียงสั่นไปเลยคุณหมอก็บอกว่าใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ตื่นแล้วเดี๋ยวก็สวยแล้วพอฟื้นขึ้นมาก็คิดถึงแม่เลยและหนูก็มีอาการแพ้ยา ยาที่ฆ่าเชื้อเขาหยอดไปหนูจะอาเจียนออกมาหมดเลยเหมือนร่างกายไม่ตอบรับยามันทรมานมากๆ นอนไม่ได้เลยแต่จริงๆ มันไม่เจ็บเลยเพราะมันชาไปทั้งหน้าแต่อาการที่มันทรมานคือมันพูดไม่ได้สำลักเลือดเพราะว่าแผลมันอยู่ภายในหมดเลยเลือดก็คลั่งรอบปาก

และได้เห็นตัวเองหมอให้ดูกระจกหน้าหนูเลือดมั่นคลั่งมันช้ำไปหมดหนูนอนอ้าปากผ่าตัด 8 ชั่วโมงและความกลัวที่ตามมาคือกลัวหายไม่ทันแต่ก็คิดว่ามาถึงขนาดนี้ก็ต้องสู้และก็นึกไม่ออกด้วยหน้าตัวเองจะออกมาอย่างไรแต่จริงๆ หมอทำมาให้อย่างไงหนูก็ดีใจหมดไม่ได้คิดว่าออกมาสวยแค่ให้ฟันเข้าไปหนูก็ดีใจแล้วแค่เท่านั้น ก็มีผ่าตัดขากรรไกรตอนแรกหมอวางแผนว่าจะเอาแค่ขากรรไกรบนเข้าไปแต่ว่าไปเปลี่ยนแผนในห้องผ่าตัดมันถึงต้องใช้เวลานานทั้งข้างล่างข้างบนเลยและก็ทำจมูกทำตาดูดไขมันที่คางเสริมคางและก็ดูดไขมันที่ต้นขาเอามาฉีดที่หน้าผากตามด้วยโบท็อกซ์ค่ะ”

06

จากใจหลังจากชีวิตพลิกเปลี่ยน

“ตอนนี้หนูก็ได้งานแล้วได้งานที่ร้านอาหารที่หาดใหญ่เป็นพีอาร์คอยต้อนรับก็อยากจะขอบคุณทางเวิร์คพ้อยท์รายการ Let Me In Thailand ที่มอบโอกาสและก็ทาง STM และคุณหมอทางโรงพยาบาลฮงจินจูที่คุณหมอเป็นคนเลือกหนู เลือกเคสนี้อยากจะผ่าเคสนี้และรู้สึกว่ามันก็ดีกว่าเมื่อก่อนแต่ก็ไม่ได้คิดว่าสวยและอยากจะบอกคนที่รู้สึกคล้ายๆ หนูถ้าทำได้นะก็อย่าไปสนใจอย่าเก็บมาคิดมาก เพราะคนที่อยู่ข้างๆ เราก็คือพ่อแม่เราคนอื่นมาพูดให้เราเสียความรู้เก็บมาก็ท้อแท้เปล่าๆ ค่ะ”

และตลอดเวลาการสัมภาษณ์พูดคุยนั้นนอกเหนือจากเราจะได้รู้ความเป็นไปเป็นมาของเด็กสาวคนนึงที่ได้โอกาสดีๆ และสามารถพลิกชีวิตเธอแบบหน้ามือเป็นหลังมือแล้วนั้น เราสังเกตเห็นได้ว่ารอยยิ้มเธอที่เผยออกมานั้นปนไปด้วยความสุขที่ส่งออกมาทางสายตาแม้จะยังไม่มั่นใจเต็มร้อยเพราะยังไม่ชินกับโฉมหน้าใหม่ของตัวเองก็ตาม

05

07

08

เรื่องน่าสนใจ