เอเอฟพีรายงานว่า หญิงสาวชนเผ่ายาซิดีที่เคยตกเป็นทาสกามของกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส ได้รับรางวัลซาคารอฟ รางวัลทรงเกียรติด้านสิทธิมนุษยชนของสหภาพยุโรป ในฐานะเป็นผู้เปิดตัวรณรงค์ให้ประชาคมโลกร่วมปกป้องคุ้มกันชนยาซิดีไม่ให้ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
น.ส.บาเชอร์ และน.ส.มูราด ผู้ได้รับรางวัลสิทธิมนุษยชน ซาคารอฟ
การประกาศผลมีขึ้นที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนพิธีมอบเงินรางวัลเกือบ 2 ล้านบาท จะมีขึ้นที่เมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส วันที่ 14 ธ.ค. น.ส.นาเดีย มูราด และน.ส.ลาเมีย ฮาจี บาชาร์ ผู้ได้รับรางวัลครั้งนี้ ถูกไอเอสลักพาตัวจากหมู่บ้านโคโช ใกล้เมืองซินจาร์ ทางภาคเหนือของอิรัก ในเดือนส.ค.2557 ไปอยู่ในเมืองโมซุล ฐานกำลังหลักของไอเอสที่ยึดพื้นที่มาได้
น.ส.มูราดถูกบังคับให้แต่งงานกับผู้ลักพาตัวที่เป็นสมาชิกไอเอส ระหว่างนั้นถูกทารุณและถูกข่มขืน และถูกบังคับให้เปลี่ยนลัทธิความเชื่อทางศาสนา จนกระทั่งอยู่ต่อไปไม่ได้ จึงหาทางหนีออกมา และรู้ภายหลังว่า แม่ และพี่น้องชายทั้ง 6 คนเสียชีวิตทั้งหมด
น.ส.มูราด อยู่ที่กรุงวอชิงตันในสหรัฐอเมริกา / AFP PHOTO / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / MARK WILSON
การได้รับรางวัลครั้งนี้ มูราด วัย 23 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการส่งสารถึงโลกว่า ไอเอสเป็นกลุ่มที่สมควรถูกประณามว่าไร้มนุษยธรรม ส่วนเหยื่อได้รับเกียรติจากโลกเสรี
ส่วนน.ส.บาชาร์ถูกจับขังอยู่ 20 เดือน ตั้งแต่ตอนอายุ 16 ปี ระหว่างนั้นพบเห็นสมาชิกครอบครัวและเพื่อนถูกไอเอสสังหาร ใช้เป็นทาส และขายต่อ กระทั่งหญิงสาวหนีออกมา แต่ไม่พ้นวิบากกรรม เมื่อตกไปอยู่ในมือของผู้อำนวยการโรงพยาบาลอิรักที่ทำร้ายและข่มขืนเธอ รวมถึงเหยื่ออื่นๆ อีก
ต่อมาน.ส.บาชาร์และเพื่อนหนีออกมาได้ มุ่งหน้าไปเมืองคีร์คุก พื้นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าเคิร์ด แต่เพื่อนเหยียบกับระเบิดเข้า แรงระเบิดทำให้เพื่อนเสียชีวิต บาชาร์บาดเจ็บหนักที่ใบหน้า และเสียดวงตาข้างขวาไป ก่อนได้รับความช่วยเหลือ ปัจจุบันอาศัยอยู่ในเยอรมนี