5 ข้อห้ามกับความเชื่อแบบไทยๆ ที่ทำตามกันมาจนฝังในหัว ลองมาดูข้อเท็จจริงดีกว่าว่าห้ามทำเพราะเหตุอันใดกันแน่
– เนื่องจากธรรมเนียมปฏิบัติทางศาสนาพุทธสิ่งที่ควรจะถวายพระควรเป็นของใหม่สะอาดและบริสุทธิ์ อีกทั้งบางคนอาจจะแพ้เกสรดอกดอกไม้ทำให้เกิดอาการแพ้ไอจามจนป่วยได้ ที่จมูกแดงเป็นผื่นไม่ใช่ริดสิดวงแต่อาจเป็นการแพ้ต่างหาก!
– เรื่องของหัวล้านเป็นเรื่องกรรมพันธุ์หรือไม่ก็หรือป่วยจากโรคประจำตัวมากกว่า การสวมหมวกในร่มอาจจะเกิดการอับชื้นจากเหงื่อทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต้นกำเนิดรังแคและเชื้อรา ถอดดีกว่าเพื่อสุขอนามัยที่ดีเมื่ออยู่ในที่ร่ม!
– เท่าที่ทราบมาไม่มีใครนิ้วกุดจากรุ้งกินน้ำเลยสักคน! แต่ถ้ามัวชี้นิ้วเงยหน้ามองท้องฟ้าจนเดินสะดุดหกล้มหรือขวางทางคนอื่นจนถูกชนเชื่อว่ามีแน่ การห้ามชี้นิ้วคงเป็นการเตือนสติให้อย่ามัวแต่จ้องมองรุ้งจนเกิดอุบัติเหตุกับตัวเองเสียมากกว่า แถมการยืนชี้นิ้วขึ้นฟ้าปล่อยให้อ.เฉลิมชัยทำไปคนเดียวเถอะ เดี๋ยวคนที่ไม่รู้จักเราจะหาว่าเป็นคนไม่ปกติเอาได้!
– ในสมัยก่อนวันพุธจะเป็นวันที่พระเจ้าแผ่นดินและพระบรมวงศานุวงศ์จะทำการตัดผม (ปลงพระเกศา) ในวันพุธ ประชาชนทั่วไปจึงไม่นิยมตัดผมวันพุธซึ่งเป็นวันเดียวกัน เพราะจะเป็นการตีตนเสมอเจ้านาย คตินี้จึงติดหัวคนไทยมาช้านาน แม้กระทั่งปัจจุบันคติดังกล่าวได้ลางเลือนไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบางคนงดตัดผมในวันนี้ กระทั่งร้านตัดผมก็ถือโอกาสหยุดในวันนี้ด้วย
– จริงๆแล้วเป็นการข่มขู่ของผู้ใหญ่ไม่ให้เด็กๆเอาจาน-ช้อนมาเคาะเล่นจนแตก ยิ่งสมัยก่อนจาน ชาม มักทำจากดินเผา กระเบื้องง่ายต่อการบิ่นเสียหาย แม้ปัจจุบันจะมีจานแสตนเลส พลาสติกใช้แล้วก็ตาม การไม่เคาะจาน เป็นถือเป็นการรักษามารยาทการรับประทานอาหารที่ดี แต่อยากจะลองของเคาะจานเรียกสิ่งลี้ลับ สิ่งที่ตามมาอาจจะไม่ใช่ผี แต่อาจจะเป็น ไอ้ด่าง อีเหมียวที่เลี้ยงไว้วิ่งมาขอข้าวกินแทน