ดร.อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และซีอีโอเมืองนวัตกรรมอาหาร กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารเป็นหนึ่งในจุดแข็งของไทย และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้เพราะประเทศไทยมีสายการผลิต ตั้งแต่วัตถุดิบต้นทาง จนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายทาง รัฐบาลจึงได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจัดตั้งเมืองนวัตกรรมอาหารหรือฟู้ดอินโนโพลิสขึ้นมา โดยดึงนักวิจัยและบริษัทต่างชาติ เข้ามาร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารอย่างครบวงจร
ดร.อัครวิทย์ กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สื่อมวลชนจากหลายประเทศทั่วโลก ได้ร่วมดูงานเมืองนวัตกรรมอาหารและเครือข่ายฯ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งในการที่จะเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมอาหารของภูมิภาค
เนื่องจากมีข้อได้เปรียบด้านตำแหน่งที่ตั้ง นอกจากนี้ยังมีจำนวนนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร ที่พร้อมทำงานวิจัยร่วมกับหน่วยงานรัฐและเอกชน อีกทั้งยังมีวัตถุดิบ ผลิตผลทางการเกษตรจำนวนมาก มีโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการทำวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม
โดยขณะนี้พื้นที่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ที่รัฐบาลได้ประกาศเป็นพื้นที่โครงการเมืองนวัตกรรมอาหารแห่งแรก เพื่อรองรับบริษัทอาหารไทย และต่างชาติ เข้ามาร่วมทำการวิจัย พัฒนานวัตกรรมด้านอาหาร ได้มีผู้สนใจเข้าร่วมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“สื่อมวลชนให้ความสนใจความพร้อมในการผลิตอาหารฮาลาล ซึ่งฟู้ดอินโนโพลิสมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งได้แก่ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งความพร้อมและมีส่วนสำคัญในการทำวิจัยอาหารและผลิตภัณฑ์ฮาลาลเติบโตอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้การส่งออกเพิ่มขึ้นนับแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
ซึ่งไทยจะมุ่งสร้างความแข็งแกร่งในการรับรองตราฮาลาล ที่สามารถเชื่อถือได้ในระดับนานาชาติและหวังว่าจะเป็นส่วนสำคัญของไทย ก้าวสู่การเป็นฮับของนวัตกรรมอาหารในภูมิภาคอาเซียนได้ เพราะถือได้ว่าคุณภาพของอาหารฮาลาลไทยดีที่สุดในโลก” ซีอีโอเมืองนวัตกรรมอาหาร กล่าว
ทั้งนี้ นอกจากความพร้อมด้านการวิจัยอาหารและผลิตภัณฑ์ฮาลาลแล้ว ประเทศไทยยังมีศักยภาพด้านการประเมินคุณภาพด้านประสาทสัมผัส และการค้นคว้าวิจัยผลิตภัณฑ์อาหาร และชื่อเสียงของอาหารไทยที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ซึ่งจากจุดแข็งดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยพร้อมที่จะศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอาหารของกลุ่มประเทศ CLMV
ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนามอีกด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ยังมีมาตรการจูงใจต่าง ๆ อาทิ การสนับสนุนนักวิจัย สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษี การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และกองทุนที่จะสนับสนุนการวิจัย เพื่อให้การพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป