ที่มา: mhthailand

หนุ่มๆ บางคน หากมีปัญหาเกี่ยวกับ “น้องชาย” หรือ อวัยวะเพศ ที่ติดตัวผู้ชายมาแต่เกิดนั้น บางคนอาย บางคนไม่กล้าหาหมอ หากเราเป็นแผล “ริมอ่อน”  เราจะมีวิธีจัดการกันอย่างไร เรามาดูกันค่ะ

โรคแผลริมอ่อน หรือ Chancroid  ถือเป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ Haemophilus Ducreyi ซึ่งทำให้เกิดแผลที่บริเวณอวัยเพศชายและเพศหญิงได้

การติดต่อเกิดจากการสัมผัสโดยตรงจากการมีเพศสัมพันธ์ ลักษณะรอยโรคเป็นแผลเปิด ขอบเซาะ มีหนอง ดูสกปรก และเจ็บ อาจจะมีหลายแผลได้ ซึ่งถ้าเกิดผื่นนี้เนื่องจากเป็นแผลเปิด ก็อาจส่งผลให้ได้โรคอื่นตามมาด้วย

รวมถึงโรคเอชไอวี นอกจากผื่นที่อวัยวะเพศแล้ว ยังพบอาการต่อมน้ำเหลืองโตอักเสบ (Bubo) ซึ่งอาจมีการอักเสบมากจนแตกเป็นแผลหนองได้ โดยมักจะพบมีอาการอยู่ข้างเดียวที่บริเวณขาหนีบ

%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%81%e0%b8%9c%e0%b8%a5-cover-700x360

ในระยะฟักตัวของโรคแผลริมอ่อนจะอยู่ที่ประมาณ 3-7 วัน  หลังจากมีการสัมผัส โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่มักจะมีระยะก่อโรคใกล้ๆ กัน ยกเว้น ซิฟิลิสในระยะแรก ( Primary Syphilis ) ซึ่งอาจจะนานกว่าคือประมาณ 10-90 วัน

กรณีของซิฟิลิสจะพบเป็นแผลริมแข็ง ( Chancre ) ซึ่งมักจะมีรอยโรคเดียว แผลสะอาด และไม่เจ็บ ส่วนโรคเริมนั้นมีอาการเจ็บแสบได้เหมือนกัน แต่รอยโรคมักจะมาเป็นกลุ่มตุ่มใสแดงๆ หลายๆ จุดเป็นรวมกัน ซึ่งลักษณะเหล่านี้ก็พอทำให้แพทย์สามารถแยกโรคต่างๆ อย่างคร่าวๆ ได้

ส่วนการตรวจเพิ่มเติมทำได้โดยการนำเอาหนองหรือสารคัดหลั่งบริเวณรอยโรคไปตรวจย้อมดูเชื้อเพิ่มเติม โดยเชื้อเหล่านี้สามารถอาศัยอยู่นอกร่างกายในอุณหภูมิปกติได้หลายชั่วโมง

การตรวจเมื่อย้อมสีแกรมจะพบแบคทีเรียติดสีชมพู และมีการเรียงต่อเป็นรูปฝูงปลา (School of Fish) แต่ในรายที่ตรวจไม่พบเชื้อ มักจะใช้ประวัติ ลักษณะอาการและรอยโรค และทำการรักษาไปเลย (Therapeutic Diagnosis)

สำหรับ การรักษาโรคแผลริมอ่อนมักใช้ยากินปฏิชีวนะกลุ่ม Azithromycin หรือ Ciprofloxacin ซึ่งถ้ารักษาถูกต้อง ตัวแผลจะดีขึ้นในสามวันและหายภายในสองอาทิตย์ ยกเว้นในรายที่มีโรคอื่นแทรกซ้อน หรือ ติดเชื้อเอชไอวีก็มักจะต้องกินยานานขึ้น

อย่างไรก็ตามแม้จะกล่าวถึงชื่อยาก็ไม่ได้หมายความว่าจะแนะนำให้ไปซื้อมากินเอง เพราะการซื้อยากลุ่มดังกล่าวมากินเองอาจทำให้รักษาไม่ตรงโรค หรือทำให้เกิดการดื้อยา หรือเกิดภาวะติดเชื้อแทรกซ้อนตามมาได้

ทางที่ดีหากมีผื่นขึ้นตามบริเวณที่กล่าวไว้เบื้องต้น จึงควรไปพบแพทย์และบอกคุณหมอเกี่ยวกับประวัติทางเพศสัมพันธ์ของคุณ เพราะถ้าไม่บอกก็อาจจะทำให้การรักษาล่าช้า มิหนำซ้ำเชื้อโรคเหล่านี้ยังสามารถลุกลามไปยังอวัยวะภายในได้อีกด้วย

เครดิต เรื่อง นพ.ทนงเกียรติ เทียนถาวร , ภาพ www.danderm-pdv.is.kkh.dk

เรื่องน่าสนใจ