ยุคนี้ใครๆ ก็ปั้นหน้าเรียว กระชับให้เป๊ะง่ายๆ เพียงแค่ใช้เข็มจิ้มจึ๊กเดียว เพราะมีตัวช่วยกระชากความหย่อนคล้อยให้ผิวเด่นเด้งได้อย่างสารเติมเต็มทาง การแพทย์ (Hyaluronic Acid Filler) ฟังดูเหมือนจะโม้แถมดูเหมือนจะทำกันง่ายๆ แต่จริงๆ แล้ว การฉีดฟิลเลอร์ที่ถูกต้องก็ต้องมีขั้นมีตอนและที่สำคัญต้องพึ่งฝีมือหมอที่ มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพราะไม่งั้นจากหน้าเรียวๆ จะกลายเป็นหน้าเบี้ยวได้ง่ายๆ
คุณแบงค์ -กัลยรัตน์ อัครเดชเดชาชัย ผู้บริหารอิมเมจินี่และเดซี่ ดิว่า คลินิก ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผุดโปรเจ็คส์ HA Filler หรือสารเติมเต็มทางการแพทย์ สามารถแก้ไขใบหน้าได้ 3 แบบ อย่างการฉีดฟิลเลอร์เพื่อช่วยดึงยกหน้า, ฉีดเพื่อแก้ไขปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนวัย และฉีดเพื่อการเติมเต็มของผิวที่ยุบตัว ซึ่งแต่ละแบบ จะคำนึงถึงระดับความลึกของผิวเพื่อวางสารฟิลเลอร์ได้ตรงจุดบกพร่อง
มลพิษ อากาศร้อน อายุที่เพิ่มขึ้น หรือพฤติกรรมนอนดึกตามไลฟ์สไตล์ของคนสมัยนี้ ล้วนเป็นสาเหตุทำให้ผิวดูแก่กว่าวัย เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ทั้งผิวหนัง คอลลาเจน อีลาสติน เมื่อเราอายุมากขึ้น จึงทำให้เกิดความหย่อนคล้อยของเนื้อเยื่อ ฟิลเลอร์ไม่ได้เป็นแค่ผู้ช่วยในการเติมเต็มริ้วรอยอย่างเดียวแล้ว แต่สามารถใช้ฉีดเพื่อยกหน้าและปรับรูปหน้าเพื่อแก้ไขความชราได้ ซึ่งเทคนิคในการฉีดแต่ละจุดนั้นขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ โดยจะคำนึงถึงกายวิภาคศาสตร์ของใบหน้าเป็นหลัก ตั้งแต่ชั้นกระดูกซึ่งอยู่ลึกที่สุด ถือเป็นโครงสร้างสำหรับที่ใช้เป็นตัวคํ้ายันเนื้อเยื่อที่อยู่ข้างบนทั้งหมด เมื่อเราอายุเพิ่มขึ้นโครงกระดูกจะบุบลง ทำให้เกิดความหย่อนคล้อยของเนื้อเยื่ออื่นๆ ด้านบน ชั้นที่ถัดจากกระดูกคือเส้นเอ็นและโครงข่ายเส้นเอ็นของใบหน้า ช่วยยึดชั้นผิวหนังไม่ให้หย่อนคล้อย ชั้นถัดมาคือชั้นกล้ามเนื้อและแผ่นเนื้อเยื่อพังผืด หรือที่หมอเรียกว่า SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) เป็นตัวแบ่งกั้นของเนื้อเยื่อไขมันและผิวหนังชั้นบนกับเนื้อเยื่อส่วนล่าง ซึ่งชั้นนี้เองที่หมอศัลยกรรมใช้เย็บเพื่อดึงยกหน้า ชั้นถัดมาคือชั้นไขมันใต้ผิวหนังซึ่งมีเนื้อเยื่อพังผืดเล็กๆ แทรกขึ้นมาเป็นตาข่ายเกาะอยู่ใต้ผิวหน้า และชั้นบนสุดคือชั้นผิวหนัง ซึ่งมีทั้งรูขุมขนและต่อมไขมันจำนวนมาก เมื่อรู้รายละเอียดแต่ละชั้น ทำให้เรารู้ว่าควรจะฉีดชั้นไหนเพื่อแก้ปัญหาผิวหน้าได้ตรงจุด
คิดค้นโดย Dr.Mauricio De Maio ศัลยแพทย์ตกแต่งจากประเทศบราซิลกันบ้างแล้ว เพราะเขาได้นำวิธีนี้ไปสอนแพทย์ทั่วโลกเพื่อแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย โดยใช้วิธีการจำ 8 จุดสำคัญ ได้แก่ 1. โหนกแก้ม เพื่อยกโหนกแก้มที่หย่อนคล้อยลงตามอายุ 2. บริเวณแก้มด้านบน เพื่อยกกระชับแก้ม 3. ร่องนํ้าตาลึก สำหรับผู้ที่มีร่องนํ้าตาลึกจะดูอิดโรย และยังทำให้ร่องแก้มตื้น, 4. ฉีดร่องแก้มเพื่อลดร่องแก้มลึก 5. บริเวณมุมปากนั้น ฟิลเลอร์ก็ช่วยยกมุมปากขึ้นได้ไม่ต่างจากการฉีดโบท็อกซ์ 6. ฉีดข้างคางเพื่อยกกระชับแก้มที่ห้อยลง 7. บริเวณด้านหน้าของใบหูเพื่อยกรอบหน้า และจุดสุดท้าย 8. ฉีดที่บริเวณข้างแก้ม ด้านข้างเพื่อลดแก้มตอบ และช่วยเนรมิตหน้ารูปไข่ได้
การฉีดด้วยเทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยไม่มาก ฉีดเพื่อให้เกิดเป็นจุดคํ้ายัน และ เพิ่มปริมาณเนื้อเยื่อในจุดนั้น ซึ่งวิธีนี้จะใช้สารฟิลเลอร์เยอะกว่าแค่การเติมริ้วรอย คือประมาณ 3 CC ต่อข้าง หรือ 6 หลอดต่อการฉีดทั่วหน้า หลังฉีดฟิลเลอร์ เข้าไปเติมเต็มจุดที่ไขมันหายไป จะเห็นว่าใบหน้าดูยกกระชับขึ้นทันที หลังฉีดสามารถทำกิจวัตประจำวันต่อได้เลย ไม่มีแผล
หลายคนนิยมปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์กันมากขึ้น จึงอยากแนะนำให้ผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ได้ศึกษาก่อน อย่าหลงเชื่อฝีมือหมอเถื่อนหรือหมอกระเป๋าเพราะราคาถูก จนฉีดผิด หรือโดนเส้นประสาทจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราก็มีมาแล้ว และอย่าลืมว่าหากฉีดแล้วไม่พอใจ จะต้องรออีกประมาณ 8-9 เดือน เพื่อให้สารสลายไปเอง หรือไม่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการละลายสารเติมเต็มเหล่านี้อีก เรียกว่าเสียสองเด้ง
ขอบคุณที่มาจาก www.chicministry.com
เครดิต www.sanook.com