ที่มา: khaosod

จากกรณีที่นักเรียนหญิงชั้น ม.6 โรงเรียนสตรีนนท์ ได้แจ้งผู้ปกครองว่าโดนรถปาเจโร่สีดำดักฉุดระหว่างเดินทางไปโรงเรียน เหตุเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยผู้ปกครองได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ขณะที่นายธนะสิทธิ์ ศิริวรธรรม ผอ.รร.สตรีนนทบุรี ได้ส่งไลน์เตือนภัยถึงผู้ปกครองและครู

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของตำรวจพบว่าไม่ตรงกับคำให้การของนักเรียนหญิงหลายอย่าง เนื่องจากพบว่าตรงจุดที่นร.หญิงให้การว่าเปิดประตูรถแล้วกระโดดลงมานั้น แต่เมื่อดูในกล้องวงจรปิด กลับพบว่ารถได้จอดริมถนน นร.หญิงเปิดประตูด้านซ้ายค้างไว้ ลักษณะเหมือนกับคุยกัน

ก่อนที่นักเรียนหญิงจะเดินลงจากรถ และมีการยื้อดึงแขนกันเล็กน้อย จากนั้นรถเก๋งก็ขับออกไป ส่วนนักเรียนหญิงนั่งลงกับฟุตปาธ

1471871503_14718569501471859977l (1)

จากการสืบสวนและหาข้อมูลจากอย่างละเอียดพบว่ารถเก๋งปาเจโร่สีดำคันนี้เป็นรถของครูหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งสอนวิชาคอมพิวเตอร์ และมีความสนิทสนมกับนักเรียนหญิงคนนี้เป็นอย่างมาก โดยทุกวันตอนเช้าครูหนุ่มรายนี้จะขับรถมารับนักเรียนหญิงคนนี้ไปโรงเรียนเป็นประจำ นานกว่า 1 ปีแล้ว

แต่วันเกิดเหตุ ครูหนุ่มไม่พอใจที่นักเรียนหญิงนั่งเล่นไลน์ในมือถือ จึงต่อว่าไปจนเกิดปากเสียงกัน นักเรียนหญิงจึงบอกให้จอดข้างทางแล้วเปิดประตูจะลงจากรถ ซึ่งมีการฉุดยื้อกัน แต่นักเรียนหญิงก็ลงจากรถในที่สุด ก่อนโทรแจ้งมารดาตามที่เป็นข่าว

1471872411_201608221939261-20050309151926

ด้าน นายณัฐพงศ์ ปากะนันท์ หรืออาจารย์ปืน อาจารย์สอนวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี เจ้าของรถปาเจโร่ สีดำ คันเกิดเหตุ กล่าวว่า ปกติน้องจะมาโรงเรียนกับตนทุกวัน ในวันเกิดเหตุคือวันศุกร์ เขาได้ขึ้นรถที่จุดนัดคือหน้า รร.ศรีบุญยานนท์ ไม่เกี่ยวกับหน้าศาลากลางใดทั้งสิ้น ตนได้ขับรถยนต์มาตามปกติ ก็เห็นว่าน้องเล่นไลน์มาตลอดทาง

ตนจึงบ่นไปว่าจะเสียสายตา เขาก็เกิดความรำคาญใจ มีการออกอาการไม่พอใจและขอลงจากรถ เมื่อมาถึงจุดกลับรถน้องได้เปิดประตูลงทันที ตนจึงใช้มือจับน้องไว้แล้วไปจอดรถตรงจุดที่กล้องจับภาพไว้ได้

“ผมกับน้องค่อนข้างสนิทกัน แต่ไม่ได้เป็นแฟนกัน เขาเคยปรึกษาเรื่องการทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิกมาตั้งแต่ชั้น ม.5 ส่วนด้านหลังรถไม่มีผู้ชายอื่นนั่งมาตามที่น้องเขากล่าวอ้าง มีผมเพียงคนเดียวและผมก็ไม่ได้ถีบน้องเขา หากแต่น้องเขาลงไปเอง ซึ่งผมรับส่งน้องมาได้ 1 ปีแล้ว” นายณัฐพงศ์ กล่าว

นายณัฐพงศ์กล่าวว่า วันเกิดเหตุน้องบอกว่าไม่อยากเข้าโรงเรียนแล้ว ตนจึงวนรถเพื่อจะไปส่งที่บ้าน โดยน้องบอกว่าได้โทรบอกผู้ปกครองแล้ว ซึ่งจุดที่รับส่งน้องเป็นจุดนัดที่จะรับกันทุกวันยกเว้นวันที่ผู้ปกครองมาส่ง

เรื่องที่ตนรับส่งน้องผู้ปกครองรู้ แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนรับส่งน้อง จุดประสงค์ที่รับมาเพราะความสนิทกัน ไม่อยากให้น้องเสียเงินเยอะ ตนมาทราบว่ามาแจ้งความคือวันแรก ตนได้ห้ามแล้ว และแนะนำทุกอย่างแต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงไปแจ้งความด้วยเหตุผลอะไรจึงทำให้เรื่องบานปลาย

เรื่องน่าสนใจ