โดย สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยระบุว่า  โรคเหา (pediculosis capitis) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะเด็กในวัยเรียนมักจะประสบพบเจอกับโรคเหากันอยู่เป็นประจำ อายุที่พบได้บ่อยคืออยู่ในช่วงอายุ 3-11 ปี และจะพบมากในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โรคเหาเป็นโรคที่เกิดจากตัวเหา อาศัยอยู่บนหนังศีรษะและเส้นผม และอาศัยเลือดบนหนังศีรษะเป็นอาหาร

557000010251702

รูปที่ 1 แสดงลักษณะไข่เหาที่มีลักษณะเป็นจุดสีขาว เหลืองบนเส้นผมที่บริเวณโคนผมและกลางเส้นผม

ซึ่งมักจะสร้างความรำคาญและรบกวนชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดอาการแสดงที่หลากหลายได้ เช่น อาการคัน อาการระคายเคืองบนหนังศีรษะ ซึ่งการติดต่อและการแพร่กระจายของโรค เกิดจากศีรษะสัมผัสกันโดยตรง และจากการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น หวี แปรงผม หมวก ผ้าเช็ดศีรษะ หมวกกันน็อค เป็นต้น

ลักษณะของอาการแสดงที่พบได้ เช่น หนังศีรษะแดง เป็นขุยหรือเป็นสะเก็ด อาจพบรอยเกาที่บริเวณหนังศีรษะ บนเส้นผมมีลักษณะเป็นจุดสีขาว (ไข่เหา) ขนาดประมาณ 1 มิลลิเมตร พบมากที่บริเวณท้ายทอยและหลังใบหู ซึ่งมีได้ทั้งไข่ที่มีตัวอ่อนอยู่ภายในจะมีสีเหลืองเข้ม หรือไข่ที่ฝ่อแล้วจะมีสีขาว

อาการคันเป็นอาการสำคัญที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะเมื่อมีการติดเชื้อเป็นระยะเวลานาน และอาจพบการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำร่วมกับการมีสะเก็ดน้ำเหลือง อาจพบต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณคอโตร่วมด้วย การที่เราจะรู้ว่าเป็นโรคเหาหรือติดเหานั้น วินิจฉัยโดยอาศัยจากการตรวจหนังศีรษะ ซึงจะพบตัวเหา ไข่เหา หรือตัดเส้นผมออกมาตรวจทางกล้องจุลทัศน์จะพบไข่เหาที่เกาะติดอยู่ที่เส้นผม มีขนาดประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ซึ่งจำเป็นต้องวินิจฉัยแยกโรคจากภาวะการระคายเคืองบนหนังศีรษะอย่างชัดเจนเพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงว่า เกิดจากรังแคบนหนังศีรษะ ผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน หรือขุยขาวจากการติดเชื้อราบนหนังศีรษะและเส้นผมหรือเกิดจากการติดเหา

ขั้นตอนการรักษาโรคเหานั้นไม่ยาก จะต้องรักษาความสะอาดบนหนังศีรษะเป็นสิ่งสำคัญ การเป็นเหาอาจไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเศรษฐานะของผู้ป่วย ผู้ป่วยที่มีฐานะดีอาจพบโรคเหาได้ เช่นกัน ดังนั้นขั้นตอนการรักษาเบื้องต้น คือการนำเอาตัวเหาและไข่เหาออกจากเส้นผมและหนังศีรษะโดยการแปรงออก หรือเป่าลมแรงออก สามารถช่วยลดจำนวนของไข่เหาและตัวเหาบนหนังศีรษะได้ดี แต่อาจไม่เพียงพอในการรักษา จึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาหรือสารเคมีชนิดอื่นๆ ร่วมด้วย และควรให้การรักษาทุกคนในครอบครัวในเวลาเดียวกัน แม้ว่าจะยังไม่มีอาการของความผิดปกติ เนื่องจากวินิจฉัยยากในระยะเริ่มแรกของโรค และเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรค

557000010323602

รูปที่ 2 แสดงลักษณะไข่เหาที่เกาะติดอยู่บนเส้นผม เมื่อดูด้วยกล้องจุลทัศน์จะพบตัวอ่อนของเหาอยู่ภายในไข่เหา

สิ่งสำคัญที่สุด คือควรหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน หมวกกันน็อค หวี แปรงผม เพราะทำให้เกิดการแพร่กระจายโดยตรงจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย และทำลายไข่เหาที่ติดอยู่โดยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

  1. หวีเสนียด (nit picking) เป็นการนำเอาภูมิปัญญาชาวบ้านมาใช้รักษา โดยการใช้น้ำส้มสายชูเจือจางกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 หมักลงบนหนังศีรษะและเส้นผม ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นใช้หวีซี่ถี่สางเอาตัวเหาและไข่เหาออก ควรสางผมขณะเปียกและควรทำซ้ำทุก 3-4 วัน สารหลายชนิดถูกนำมาใช้รักษาโรคนี้ แต่ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ดีเพียงพอว่ามีประสิทธิภาพ เช่น น้ำมันพืช น้ำมันใส่ผม วาสลิน สารดังกล่าวอาจล้างยาก และก่อให้เกิดอันตรายจากการใช้ได้
  2. Gamma benzene hexachloride (1% Lindane) มี 2 รูปแบบ คือแบบครีมและแบบโลชั่น ใช้ชโลมบนศีรษะที่แห้งและทิ้งค้างคืนไว้ 8-10 ชั่วโมงก่อนที่จะล้างออก พบว่ามีประสิทธิภาพดีในการรักษา ควรทำซ้ำอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา พิษของยาตัวนี้ต่ำมาก ถ้าใช้อย่างถูกต้องและถูกวิธีตามฉลากกำกับยา แต่ถ้าใช้ยามากเกินไปหรือผิดวิธีจะสามารถทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทได้
  3. แชมพู Malathion ใช้แชมพูทาลงบนผมและหนังศีรษะที่แห้งให้ทั่วหนังศีรษะขยี้ให้เกิดฟองและทิ้งไว้นานประมาณ 15 นาที จึงล้างแชมพูและฟองออก พบว่ามีประสิทธิภาพดีและมีความปลอดภัยอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
  4. Benzyl Benzoate (12.5-25%) มีในรูปแบบครีมและโลชั่น ใช้ชโลมบนศีรษะที่แห้งและทิ้งค้างคืนไว้ 8-10 ชั่วโมงก่อนที่จะล้างออก ควรทำซ้ำอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา พบว่ามีประสิทธิภาพดีในการรักษา แต่พบอาการระคายเคืองบนหนังศีรษะได้บ่อย ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้น หรือไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป

การป้องกันโรคเหานั้นทำได้ไม่ยาก แค่หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกันและทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ด้วยการนำมาต้มในน้ำร้อนมากกว่า 50 องศาเซลเซียสเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 15 นาที

รวมถึงนำของใช้และอุปกรณ์ใส่ผม เส้นผมที่ตัดทิ้ง ใส่ไว้ในถุงพลาสติกขนาดใหญ่และรัดปากถุงเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์เพื่อกำจัดตัวเหาที่จะฟักออกจากไข่เหา ทำให้ตัวเหาที่ฟักออกมาไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เพราะไม่มีอาหาร เหาสามารถเป็นซ้ำได้ ถ้ายังรักษาไม่หายขาดหรือได้รับเหามาใหม่ ก็จะกลับมาเป็นซ้ำเหมือนเดิม

ที่มา ผู้จัดการ

เรื่องน่าสนใจ