ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า วันนี้ ( 23 พฤษภาคม 2560 ) เวลา 09.00 น. ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่นกรุงเทพมหานคร นายแพทย์วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงการดำเนินงานภายใต้ พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 ได้ให้นโยบายการดำเนินงาน ภายใต้ พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 แก่ผู้เข้าประชุม ประกอบด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพเขต 12 เขต และกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ รวมกว่า 200 คน
นายแพทย์วิศิษฎ์ กล่าวว่า กิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เป็นกิจการด้านบริการที่สร้างงานและรายได้ แก่ประเทศเป็นจำนวนมาก และได้รับความเชื่อมั่นจากผู้รับบริการทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมายาวนาน
จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ธุรกิจสปาไทย สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2556 ธุรกิจสปาสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศ 25,087.33 ล้านบาท ปี 2557 สร้างรายได้ 26,811.91 ล้านบาท และ ปี 2558 ธุรกิจสปาไทยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ15 ต่อปี สร้างรายได้ 31,155.48 ล้านบาท
จากความนิยมและมีชื่อเสียงระดับโลกของสปาไทย จึงมีผู้ประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีกฎหมายกำกับดูแลการดำเนินกิจการนี้เป็นการเฉพาะ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) จึงมีการผลักดันกฎหมายพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559
จนกระทั่งมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 และมีการประกาศใช้กฎหมายลูกอีก 6 ฉบับ มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้กิจการประเภทสปา นวดเพื่อสุขภาพ หรือเพื่อเสริมความงามและ กิจการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อธิบดีกรม สบส. ในฐานะผู้อนุญาตมีการมอบหมายการออกใบอนุญาตสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ การออกใบอนุญาตผู้ดำเนินการ และการอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนผู้ให้บริการให้แก่ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพในเขต กทม. และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดในส่วนภูมิภาค
โดยให้เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถปฏิบัติตามพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559ได้อย่างถูกต้อง จึงได้จัดการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานภายใต้พระราชบัญญัติดังกล่าว โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้มีความเชี่ยวชาญ จากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรมอนามัย กองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ และกองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ มาบรรยายและเปิดเวทีให้ซักถามอย่างเข้มข้น
“การประชุมครั้งนี้ มุ่งหวังให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติฯ และกฎกระทรวง ที่เกี่ยวข้อง สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ ควบคุม กำกับสถานประกอบการเพื่อสุขภาพให้มีคุณภาพมาตรฐานตามกฎหมาย ป้องกันการแอบแฝงค้าบริการทางเพศ เป็นการคุ้มครอง และส่งเสริมสุขภาพของประชาชนผู้รับบริการทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ได้รับบริการที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และยกระดับสปาไทยให้เป็นกิจการส่งเสริมสุขภาพระดับโลก” อธิบดีกรม สบส. กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า ทางภาคเอกชนได้มีการติดตาม พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสมาคมสปาไทย ( Thai Spa Association ) ที่มีการรวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง ส่วนทางด้านสปาที่มีการดำเนินธุรกิจในลักษณะไม่ชัดเจน ก็ติดตามทุกข้อ โดยเฉพาะเรื่องของห้องนวด ที่จะต้องมองเห็นกัน ไม่มีลักษณะลึกลับ ไม่มีกลอนล็อคประตู ซึ่งขณะนี้สปาเหล่านี้มีจำนวนมาก