เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ ศาลจังหวัดขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลจังหวัดขอนแก่นได้นัดยื่นบัญชีพยานทั้งฝ่ายโจกท์และจำเลยเพื่อกำหนดวันสืบพยานในคดีฆาตกรรมนางสาวริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ แอ๋ม พนักงานสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ในจังหวัดขอนแก่น เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่าน หลังศาลประทับรับฟ้องผู้ต้องหา 4 คน คือ นางสาวปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว , นางสาวกวิตา ราชดา หรือ เอิร์น , นางสาวอภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือ แจ้ และนายวศิน นามพรม ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ, ร่วมกันลักทรัพย์,ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และร่วมกันพาอาวุธไปในที่สาธารณะ และอีก 1 คือ น.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ หรือเบนซ์ คนในข้อหารับของโจร
นายบุญยง แก้วฝายนอก ทนายของนางสาวอภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือ แจ้ เปิดเผยภายหลังว่า วันนี้นัดส่งสืบพยานเป็นไปด้วยดี อาจจะใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะพยานหลักฐานค่อนข้างเยอะ พยานบุคคลหลายปาก ขนาดมีการตัดไปแล้วพยานอัยการมีทั้งหมด 27 คน ส่วนจำเลยมี 8 คน ซึ่งเป็นจำเลย 5 คน และบุคคลภายนอกอีก 3 คน เพื่อประโยชน์และความยุติธรรมของทุกฝ่ายก็สามารถมีพยานเพิ่มได้อีก เพื่อให้โอกาสจำเลยได้ต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศาลจะรับหรือไม่รับ แต่ส่วนใหญ่ศาลจะอนุญาตเพราะว่าเพื่อโอกาสในการต่อสู้คดีของจำเลย
“ก่อนจะลงศาลทั้งเปรี้ยว เอิร์น แจ้และวศิน และเบนซ์ ได้มีการไหว้ขออภัยกับแม่ พ่อ และ ยาย ของแอ๋ม ซึ่งทุกคนต่างก็ร้องไห้และต่างก็สำนึกผิด ซึ่งทุกคนไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขนาดนั้น ไม่ใช่ตามกระแสข่าวที่บอกว่าไม่สะทกสะท้าน จริงแล้วๆ น้องทั้งสองคนก็ยังมีสำนึกผิดมีการขอโทษฝ่ายแม่ผู้ตายก็ยอมรับการไหว้ ซึ่งทุกฝ่ายก็มีแต่ความสูญเสียร้องไห้กับสิ่งที่เกิดขึ้น” นายบุญยงกล่าว
นายอมรพงศ์ จันทร์กวี ทนายความของนางสาวนางสาวปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว กล่าวว่า โดยวันนี้ศาลได้มีการนัดสืบพยานโดยสรุปสุดท้ายได้ 8 นัด มีการสืบพยานโจทก์ 6 นัดและพยานจำเลย 2 นัด ส่วนของโจทก์ 6 นัด มีวันที่ 20 ,21,22,27,28 กุมภาพันธ์ 2561 และมีวันที่ 13 มีนาคม 2561 ส่วนจำเลยจะสืบ 2 นัด ในวันที่ 14 และ 15 มีนาคม 2561 หลังวันที่ 15 มีนาคมจะรู้ว่าคดีนี้จะฟังคำพิพากษาเมื่อไหร่ แต่น่าจะประมาณเดือนเศษจากวันที่ 15 มีนาคม 2561 ทั้งนี้ตามกฎหมายแม้คดีนี้จะให้การรับสารภาพเนื่องจากมีอัตราโทษสูงถึงขั้นประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ศาลต้องจัดหาทนายและต้องสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยอยู่แล้ว เพื่อให้ข้อเท็จจริงอันชัดแจ้ง เพื่อจะลงโทษจำเลยได้ต่อไป ตามกระบวนหลักยุติธรรม การต่อสู้ในคดีเรายอมรับในผลการตายของผู้ตาย แต่เราสู้ในเจตนา ที่ไม่ได้ประสงค์ให้ถึงตาย แต่เป็นการทำร้ายที่อาจพลั้งมือไป จึงสู้ตามเจตนารมณ์และข้อเท็จจริงที่เป็นตามจริง ส่วนบางข้อหาเช่นลักทรัพย์หรือทำลายเรารับสารภาพทั้งสิ้นตามฟ้องที่โจทก์บรรยายมา
“การต่อสู้คดีในครั้งนี้ เราต้องการให้สังคมได้รับรู้ เราไม่ได้สู้คดีเพื่อให้ดำเป็นขาวขาวเป็นดำ แต่สู้ตามผลการกระทำที่เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นทนายหรืออัยการก็ไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์ แต่ในเมื่อเขายืนยันว่าเขาไม่มีเจตนาฆ่า และบทบัญญัติของกฎหมายถ้าไม่มีเจตนาฆ่าแต่ได้ทำร้ายถึงแก่ความตายก็ต้องดูตามนั้น ซึ่งบทบัญญัติก็มีอัตราโทษที่น้อยลง ตามลำดับ เป็นสิทธิในการต่อสู้ทนายเป็นเพียงแค่ตัวแทนในการต่อสู้คดีให้กับตัวความ และสู้เต็มที่ตามความเป็นจริง จะเป็นอย่างไรขึ้นกับศาล เพราะคดีนี้อย่างไรเปรี้ยวกับเอิร์นได้รับการลงโทษอยู่แล้วตามการกระทำของเขา” นายอมรพงศ์กล่าว