ทุกวันนี้จะเห็นว่ามีเวทีการมอบรางวัลให้กับบุคลและเจ้าของสินค้าแบรนด์ ต่างๆ ผุดขึ้นมามากมาย โดยมักจะมีการเชิญผู้ที่มีชื่อเสียง ดารา นักแสดง เข้าร่วมงานต่างๆเหล่านี้ ซึ่งมีหลายๆงานที่มีชื่อรางวัลแปลกหู ไม่เป็นที่คุ้นเคย จัดงานโดยองค์กรที่ไม่คุ้นชื่อ และเชิญผู้หลักผู้ใหญ่มาเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลเพื่อเสริมสร้างความน่า เชื่อถือ

ล่าสุดทีมข่าวเวิร์คพอยท์นิวส์ สถานีโทรทัศน์ช่องเวิร์คพอยท์ หมายเลข 23 ได้รับข้อมูลว่า มีผู้ประกอบการเจ้าของผลิตภัณฑ์ และเจ้าของธุรกิจหลายราย ได้รับแจ้งข้อมูลชักชวนให้เข้าร่วมการรับรางวัล “คุณค่าแห่งผลิตภัณฑ์ของประเทศไทย” ในงาน Best Billion Business Award 2016 ในวันเสาร์ที่ 17 กันยายน 2559 ณ อินฟินิตซิตี้ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งงานในครั้งนี้มีการระบุว่าจัดโดยสมาคมสื่อมวลชนสัมพันธ์ประเทศไทยและ ชมรมปันน้ำใจอุ่นไอรัก โดยอ้างว่ามอบให้กับเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนาคุณภาพ นวัตกรรม และแผนการตลาดที่ดี มีคุณธรรม คิดดี ทำดี เพื่อเป็นกำลังใจในการมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า  แต่รายละเอียดในเอกสารเชิญชวน กลับมีการระบุผู้ที่ประสงค์ร่วมรับรางวัล จะต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายสนับสนุนงาน รายละตั้งแต่ 20,000 – 100,000 บาท

19

20

โดยรางวัล VIP จำนวน 20 รางวัล ต้องจ่ายรายละ 1 แสนบาท จะได้รับถ้วยรางวัลพร้อมใบประกาศเกียรติคุณ  สนับสนุนขึ้น VTR และโลโก้ภายในงาน พื้นที่ออกบูท ถ่ายรูปใกล้ชิดกับประธาน ดารา เซเลบ และลงข่าวในหนังสือพิมพ์ธุรกิจ

ส่วนรางวัลทั่วไปจำนวน 200 รางวัล จ่ายเงินสนับสนุนรายละ 2 หมื่นบาท สิ่งที่ได้รับก็จะลดหลั่นกันไปจากรางวัล VIP โดยระบุว่าเงินสนับสุนทั้งหมดหลังจากหักค่าใช้จ่ายในการจัดงานแล้ว จะนำไปช่วยเหลือผู้ขาดแคลนและขาดโอกาสในสังคม ผ่านชมรมปันน้ำใจอุ่นไอรักต่อไป   เงื่อนไขดังกล่าวทำให้เกิดคำถามว่าการจัดงานมอบรางวัลครั้งนี้ เข้าข่ายธุรกิจซื้อขายรางวัลหรือไม่?  และองค์กรที่จัดงานดังกล่าวมีที่มา อย่างไร? รายได้จากการจัดงานถูกนำไปใช้เพื่อการกุศลแค่ไหน?

ซึ่งในหน้าแฟนเพจของชมรมปันน้ำใจอุ่นไอรักได้มีการระบุรายชื่อธุรกิจที่ได้ รับรางวัล VIP 20 รางวัล พบว่ามีบุคคลที่มีชื่อเสียง ดารานักแสดงที่ทำธุรกิจผลิตภัณฑ์ด้านความงาม เช่น บุ๋ม ปนัดดา , ขวัญ อุษามณี , ชโลมจิตร จันทร์เกตุ และแบรนด์สินค้าด้านความงามอื่นๆ
21

ทีมข่าวเวิร์คพอยท์นิวส์ ติดต่อสอบถาม นายสาโรจน์ ดาราฉาย นายกสมาคมสื่อมวลชนสัมพันธ์ประเทศไทย ทีมงานได้รับการนัดหมายให้ไปพบที่วัดยานนาวา อันเป็นสถานที่ตั้งของสมาคมฯ นายสาโรจน์ระบุว่าสมาคมฯได้จดทะเบียนมาประมาณ 15 ปี แต่ที่ผ่านมาไม่ได้มีความเคลื่อนไหวด้านกิจกรรมใดๆ  มีเพียงสมาคมคมส่งเสริม ความเจริญของพระพุทธศาสนา ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานเดียวกันที่ได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆให้กับวัดยานนาวา เท่านั้น แต่มาระยะหลังได้รู้จักกับนายวิรัช สุวรรณวิไล เจ้าของบริษัทออแกไนซ์เซอร์ ในนาม “ANUSORN GROUP ORGANIZE” ซึ่งได้รับการชักชวนให้มาร่วมจัดงานมอบรางวัลต่างๆ โดยนายวิรัช ได้ขอใช้ชื่อของสมาคมสื่อมวลชนสัมพันธ์ประเทศไทย เป็นผู้จัดงาน ส่วนการดำเนินการต่างๆทุกอย่าง รวมทั้งรายละเอียดงาน และการคัดเลือกผู้เข้ารับรางวัลเป็นเรื่องที่ออแกไนซ์เซอร์รายดังกล่าว บริหารจัดการทั้งหมด

22

23

24

โดยยืนยันไม่ทราบเรื่องที่มีการเรียกรับเงินจากผู้ได้รับรางวัล ส่วนสาเหตุที่ยินยอมให้ใช้ชื่อสมาคมฯเป็นเพราะต้องการให้สมาคมฯเป็นที่ รู้จักมากขึ้น และเห็นว่าเป็นโครงการที่ดี มีภาพการนำรายได้ไปจัดซื้อของใช้จำเป็นมอบให้กับเด็กยากไร้ในถิ่นทุร กันดาล  โดยในปีนี้ได้ใช้ชื่อสมาคมฯจัดงานมอบรางวัล 2 งาน คืองานมอบรางวัลสยามไอยรา เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2559 ณ หอประชุมกองทัพบก และอีกงานคือ รางวัล “คุณค่าแห่งผลิตภัณฑ์ของประเทศไทย”ที่กำลังจะจัดวันที่ 17 กันยายนนี้  

“ยอมรับว่างานมอบรางวัลสยามไอยรา ทางสมาคมฯได้โควต้าส่งกรรมการสมาคมส่วนหนึ่งเข้ารับรางวัลด้วย” นายสาโรจน์กล่าว  ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ตรวจสอบพบข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจาก 2 งานที่จัดขึ้นในปีนี้แล้ว ยังมีการใช้ชื่อสมาคมสื่อมวลชนสัมพันธ์แห่งประเทศไทย มอบรางวัลมาลัยสยาม เมื่อปี 2558 ด้วย

ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ได้เดินทางไปยังบริษัท “ANUSORN GROUP ORGANIZE” ซึ่งตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านลาดพร้าว 112 ในลาดพร้าว 112 แขวงและเขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ  เพื่อพูดคุยกับนายวิรัช สุวรรณวิไล เจ้าของ ANUSORN GROUP ORGANIZE นายวิรัชยินดีชี้แจงกับทีมงาน แต่บ่ายเบี่ยงที่จะให้บันทึกภาพขณะให้สัมภาษณ์  โดยอธิบายว่าการจัดงานมอบ รางวัลให้กับบุคคลและผลิตภัณฑ์ต่างๆนั้น ได้จัดงานมอบรางวัลในเวทีต่างๆ มาแล้วประมาณ 3 ปี หลักๆคือรางวัลคุณค่าแห่งบุคคลกินรีทอง,รางวัลสยามไอยรา และรางวัล Best Billion Business Award

25

26

เป้าหมายก็เพื่อหารายได้จากการจัดงานไปมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กด้อยโอกาส รวมทั้งซื้อของใช้จำเป็นบริจาคให้กับผู้ยากไร้ ขาดแคลน และบริจาคทำบุญให้กับวัดที่ขาดแคลนปัจจัย ส่วนงานมอบรางวัล “คุณค่าแห่งผลิตภัณฑ์ของประเทศไทย”ที่จัดขึ้นวันที่ 17 กันยายนนี้ ก็จะหารายได้ช่วยเหลือโครงการปริยัติธรรม ให้กับวัดยานนาวา และบางส่วนก็นำไปช่วยเหลือเด็กยากไร้ผ่านโครงการชมรมปันน้ำใจอุ่นไอรัก ซึ่งชมรมนี้ดำเนินการโดยนายวิรัช เป็นผู้จัดตั้งเอง

“ยอมรับว่ามีเงื่อนไขเชิญชวนผู้รับรางวัลให้สนับสนุนเงินค่าใช้จ่ายจริง แต่ถามว่าได้รับตามนั้นจริงๆมั้ย บอกได้เลยว่าไม่ได้รับตามนั้นทั้งหมด อย่างดารานักแสดง ก็มอบรางวัลให้ฟรีๆ หรือบางรายอยากรับรางวัลแต่ไม่มีเงินให้ ถ้าเราเห็นว่าคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ก็มอบให้ฟรีๆ อย่างงานนี้เดิมทีรางวัลทั่วไป 200 รางวัล ตอนนี้ลดลงเหลือ 100 รางวัลแล้ว เพราะงานจัดช่วงเย็น เกรงจะมอบไม่ทันทั้งหมด งานนี้ที่จ่ายเงินมามีไม่ถึงครึ่ง เบ็ดเสร็จแล้วคงได้ไม่ถึง 1 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายประมาณ 6-7 แสนบาท เงินเหลือซัก 2- 3 แสนบาทก็เอาไปทำบุญหมด ไม่ได้เข้ากระเป๋าตัวเองแน่นอน” นายวิรัชกล่าวยืนยัน

เมื่อถามถึงหลักเกณฑ์ในคัดเลือกผู้รับรางวัล ใช้หลักเกณฑ์ใดเป็นตัววัด นายวิรัชระบุว่า ถ้าเป็นบุคคลก็จะมีองค์กร หรือหน่วยงานต้นสังกัดของบุคคลนั้นๆเสนอชื่อมา ก็จะมาคัดเลือกอีกทีโดยดูประวัติคร่าวๆ แต่ยอมรับว่าไม่สามารถตรวจสอบได้ละเอียดทั้งหมด อย่างรางวัลกินรีทองก็ขอสนับสนุนเงินจากผู้รับรางวัลรายละ 3,000 บาท บางรายก็ให้ บางรายก็ไม่ได้ให้ แต่ก็มอบรางวัลให้ทุกคน บางรายเดินมาขอรางวัลกันหน้างานเลยก็มี เพราะอยากถ่ายรูปกับประธานมอบรางวัล ก็มอบให้ไป นายวิรัชชี้ให้ทีมงานดูกล่องที่วางเรียงรายอยู่ภายในออฟฟิศ และบอกว่าในกล่องดังกล่าวคือโล่ห์รางวัลกินรีทองที่ยังมอบให้ไม่ครบทุกคน เพราะยังมีหลายๆคนมาขอเพิ่มเติมทีหลัง ก็จะส่งตามไปให้

27

“ส่วนรางวัล Best Billion Business Award เบื้องต้นเราดูก่อนอันดับแรกสินค้ามีเลขจดแจ้ง อ.ย.หรือไม่? โฆษณาเกินจริงมากน้อยแค่ไหน? เบื้องต้นยอมรับว่าคงดูได้เท่าเพียงเท่านี้ ไม่ได้มีหลักเกณฑ์เชิงลึกมากมาย เพราะไม่รู้ว่าจะตรวจสอบได้ยังไงทั้งหมด” นายวิรัชกล่าว

เมื่อถามว่าแบบนี้ดูเหมือนการใช้เงินซื้อรางวัลหรือไม่ แล้วคุณค่าของรางวัลจะมีความหมายอย่างไร? นายวิรัชกล่าวว่า “เป้าหมายจริงๆคืออยากหาเงินไปทำบุญ ยอมรับว่านี่คือธุรกิจอย่างหนึ่ง ที่เจ้าของผลิตภัณฑ์ก็ยินดีจ่ายเงินเพื่อต้องการรางวัลไปสร้างภาพลักษณ์ทาง ธุรกิจ แต่หากจู่ๆจะชักชวนคนมาบริจาคเงินโดยที่ไม่มอบอะไรให้เลย ใครจะมาบริจาค”

ส่วนข้อครหาว่าตนเองจะหารายได้เข้ากระเป๋าจากเงินส่วนนี้ยืนยันว่าพร้อมแสดง หลักฐานรายรับรายจ่าย เพราะบางงานก็ขาดทุนด้วยซ้ำไป รายจ่ายมีมากมาย ทั้งค่าสถานที่ ค่าจัดทำรางวัล แม้แต่ประธานที่เชิญมามอบรางวัลยังต้องมีค่าใช้จ่ายให้ สื่อบางสำนักที่มาร่วมทำข่าวโปรโมทงานก็ต้องมีค่ารถค่าน้ำมันให้ โดยนายวิรัชยืนยันว่ารายได้หลักของตนเองนั้นมาจากงานเอเจนซี่ และงานออแกไนซ์เซอร์อื่นๆที่มีคนจ้าง
28

ด้าน “บุ๋ม”ปนัดดา วงศ์ผู้ดี หนึ่งในผู้มีรายชื่อรับมอบรางวัล Best Billion Business Award 2016 ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ว่า ตนเองได้รับเชิญไปรับรางวัลดังกล่าวจากทางผู้จัดงาน ในฐานะเจ้าของผลิตภัณฑ์แบรนด์หนึ่ง แต่ไม่ได้จ่ายเงินในการรับรางวัลแต่อย่างใด โดยที่ผ่านมาก็มีหลายเวทีเชิญไปรับรางวัลต่างๆในฐานะที่ตนเองเป็นประธาน องค์กรความดี ทำงานให้สังคม โดยเธอเองยอมรับว่าปัจจุบันนี้งานมอบรางวัลหลายๆงานทำกันเป็นธุรกิจไปแล้ว และมีมาซักระยะหนึ่งแล้ว ส่วนใหญ่ผู้ที่ยอมจ่ายเงินเพื่อได้รับรางวัลจะเป็นบุคคลทั่วไปที่ไม่มีชื่อ เสียง แต่ต้องการรางวัลมาเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับตนเองหรือผลิตภัณฑ์ก็จะยอมจ่าย เงิน เพราะบางคนเขาก็มองว่าเขายอมจ่ายเงินเพื่อให้ได้รับเกียรติทางสังคม หรือประโยชน์ทางการตลาด ส่วนบุคคลที่มีชื่อเสียง บรรดาเซเลบ หรือศิลปินดารา นักแสดง ทางผู้จัดงานจะเชิญมาเพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับงาน ผู้ที่มารับรางวัลทั่วไปก็จะได้โอกาสถ่ายรูปกับคนดัง และยังสามารถดึงดูความสนใจให้กับสื่อมวลชนได้ติดตามมาทำข่าวได้อีกด้วย

“บุ๋มเองเขาเชิญไปรับรางวัล ถ้าไม่ติดขัดอะไรก็ไปรับถือเป็นเกียรติประวัติ แต่ถ้าต้องจ่ายเงินไปซื้อรางวัลแบบนี้ไม่เอาหรอกค่ะ แค่เตรียมชุด เตรียมเสื้อผ้า แต่งหน้าทำผมไปออกงานก็มีค่าใช้จ่ายส่วนตัวแล้ว เรื่องแบบนี้บุ๋มไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะคนอื่นๆที่เขาอยากได้รางวัลเขาก็เต็มใจจ่ายเงินเอง เรื่องนี้ก็เป็นวิธีการทำธุรกิจประเภทหนึ่งของออแกไนซ์เซอร์ไปแล้ว รางวัลก็ถือเป็นแค่สิ่งหนึ่งเท่านั้นเองที่บอกว่าเขาเห็นคุณค่าในตัวเรา แต่สิ่งสำคัญคือตัวเราพิสูจน์ตัวเองได้ไหมว่าเราทำตัวเองดีให้เหมาะกับ รางวัลมากแค่ไหน” บุ๋ม ปนัดดากล่าวทิ้งท้าย..

นี่คือปรากฎการณ์ “ธุรกิจขายความดี” ที่มีอยู่จริงในสังคมปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่า แม้กระทั่งวัตถุหรือแผ่นกระดาษที่ตีตรายกย่องเกียรติประวัติและเชิดชูคุณ ความดี ก็สามารถครอบครองได้ไม่ยาก เพียงแค่ใช้เงินก็แลกได้…   

ขอขอบคุณที่มาจากคุณบรรจง ชีวมงคลกานต์ และข่าวมื้อเช้าทางช่องเวิร์คพอยท์นิวส์

เรื่องน่าสนใจ