แอดมิน มีโอกาสได่ไปอ่านเรื่องราวเรื่องหนึ่งจากเฟสบุคของคุณ Arm Issara แล้วรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก จึงขออนุญาตนำเรื่องราวมาแชร์ให้หลายๆ คนได้อ่านกัน เป็นเรื่องดีๆ เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย และไม่ว่าใครก็ทำได้ 

โดยใน เฟสบุคของคุณ Arm Issara ได้ลงข้อความเอาไว้ (ยาวไปหน่อย แต่เชื่อเหอะ ถ้าคุณอ่านจบจบคุณจะรู้สึกประทับใจไม่ต่างจากแอดมินเลยล่ะ)

24-88

ลงไปทะเลาะกับตำรวจ !!!
อันนี้ยอมรับว่าเสือกเอง เพราะจะไปซื้อของที่เซเว่นเอามาถวายรักยมตอนเช้า เดินไปในซอย เด็กอายุสักสิบสามสิบสี่ปี เดินมา ท่าทางมอมเชียว ตำรวจเรียกตรวจ แล้วจะเอาไปโรงพักให้ได้ เด็กก็ไม่ยอม เราเดินผ่านไปพอดี เลยต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตำรวจสงสัยว่าเด็กติดยา หรือดมกาว ผมบอก งั้นดมจมูกมันสิ ถ้ามีกลิ่นกาวก็เอาไป ก็ไม่มีกลิ่น หรือมีผมไม่รู้ เพราะไม่ได้ดม ตำรวจก็ไม่ได้ดม แต่ดึงดันจะเอาเด็กไปให้ได้ เด็กบอก น้าผมจะเข้าบ้านแล้ว แม่ผมรออยู่ ก็ไม่ยอม จะเอาไปให้ได้ เราก็เลยต้องโวย คุณจะเอาเด็กไปไม่ได้นะ ถ้าเด็กไม่มีความผิด เขาก็บอกจะเอาไปตรวจฉี่ ผมถามว่า เด็กมีพิรุจอะไร ถึงจะเอาตรงฉี่ คุณเรียกตรวจเขาก็ให้ตรวจแต่โดยดี ไม่ได้วิ่งหนี แล้วอย่างนี้มีพิรุจมั้ย เขาก็บอก ท่าทางไม่น่าไว้ใจ อีแค่เห็นเด็กแต่งตัวมอมแมม ลูกคนจนนี่นะ ไม่น่าไว้ใจ ก็เสือก ยอมรับ ไม่ยอมเหมือนกัน ก็ทะเลาะกันเสียงดัง

ตำรวจถาม คุณเป็นอะไรกับเด็ก ผมบอกไม่ได้เป็นอะไร แต่ถ้าเกิดลูกผมเดินมาดึกแล้ว คุณจับเขาเอาไปโรงพักเฉยเลย ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน เขาก็บอกหลังสี่ทุ่ม เด็กต้องอยู่ในบ้าน ไม่งั้นตำรวจมีสิทธิ์จับกุม (กฏหมายนี้เมื่อไหร่มึงจะเลิกเสียทีวะ เอาเที่ยงคืนได้มั้ย สี่ทุ่มเดี่ยวนี้ ถ้าจะจับจริงเป็นร้อย เด็กมันยังกลับไม่ถึงบ้านหรอก) ยังไงตำรวจะเอาเด็ไปให้ได้ ก็เลยต้องถามเด็กว่า หนูไปไหนมา เด็กบอกผมไปหาพ่อผม ขอเงินไปโรงเรียนพรุง่นี้ แม่ไม่มีเงิน ผมไปขอพ่อ พ่อให้มาสองร้อย ผมต้องใช้จนถึงวันศุกร์ ผมกลัวเงินหมด ผมก็เลยต้องเดินกลับบ้าน ผมเดินมาตั้งแต่สองทุ่มแล้วน้า แม่ผมรออยู่ที่บ้าน น้าพูดกับตำรวจหน่อย ก็ขอตำรวจว่า ปล่อยเด็กไปได้มั้ย เขาก็ยืนยันต้องให้แม่เด็กไปรับที่ สน. ไม่ยอมอีก เออ…ให้มันได้ยังงี้สิวะ

ก็เลยขอเบอร์แม่เด็ก โทรไปหาแม่เขา ถามความจริงว่า เกิดอะไรขึ้น แม่เด็กเล่าตามที่เด็กบอกเป๊ะเลย และบอกผมว่าช่วยขอร้องให้ตำรวจปล่อยลุกเขาด้วย เขานั่งรอตั้งแต่สองทุ่มแล้ว ก็เลยถาม ว่าไง ตำรวจนิ่งอึ้ง เฉไฉไปว่า เขามีสิทธิ์เพราะมันดึกเกิน ผมก็เลยบอกว่า กฏหมาย เขามีเอาไว้บังคับคนหมู่มาก เอาไว้ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับสังคม สิ่งไหนที่มันอะลุ่มอะล่วยได้ ทำไมไม่รู้จักแยกแยะบ้าง นี่ถ้าผมไม่มาเจอ จะเกิดอะไรขึ้น เด็กโดนจับ แล้วพ่อแม่เขาจะรู้มั้ย เพราะเด็กมันไม่มีมือถือที่จะโทรไปแจ้งผู้ปกครอง เด็กก็จะเสียอนาคต เสียคนไปเลย เพราะต้องถูกออกจากโรงเรียน แทนที่จะได้อภิบาลคนดี กลับเอากฏหมายไปทำร้ายคนดีๆให้เสียอนาคต ยังไงก็ฝากไว้กับผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยนะครับ

เมื่อครู่นี้ ก็เรียกมอไซไปส่งเด็กจนถึงบ้าน ในซอย รัชดา 17 เด็กเช่าห้องบ้านแบ่งซอยเป็นห้องอยู่ และอยู่กับแม่สองคน ในซอยลึกมาก บอกกับมมอไซว่า รอพี่แป๊บนะ เดี่ยวพี่ให้ 100 บาท (ค่ารถไปกลับ 60 บาท แต่กลับไม่มีรถกลับ ซอยเปลี่ยวและมืด ) จากนั้นก็นั่งคุยกันว่า แม่ทำงานอะไร เขาก็บอกรับจ้างทำความสะอาดได้วันละ 300 บาท แต่พอดีใกล้สิ้นเดือน เงินยังไม่ออกวีคนี้ ก็เลยให้ลูกไปขอเงินพ่อเด็กไว้ไปโรงเรียนก่อน ก็เลยถาม แล้ว แม่มีเงินเหลือเท่าไหร่ มีพอซื้อกับข้าวมั้ย แม่เด็กร้องไห้ บอกว่า ถ้ามีเงินเหลือติดบ้านจะไม่มีวันให้เด็กบากหน้าไปขอเงินพ่อเขาที่ประตูน้ำแน่นอน

คุณคิดดู เด็กคนหนึ่ง บากหน้าไปขอเงินพ่อไปโรงเรียนถึงประตูน้ำ แล้วเดินกลับบ้านที่สุทธิสารตั้งแต่สองทุ่ม เดินมาเรื่อยๆ จนถึงห้าทุ่ม ทั้งๆที่ถ้านั่งรถเมล์ก็คงไม่เกิน 20 บาทมั้ง แต่เงินสองร้อยบาทจะต้องใช้กันแม่ลูกจนถึงวันศกร์ที่เงินแม่เด็กในวีคนี้จะออก แล้วตำรวจยังจะมาจับเด็กไป เพราะเด็กเดินระโหยเหมือนคนดมกาวเหนื่อยหอบ ก็คนมันเดินไกลขนาดนั้น จะไม่ให้เหนื่อยหรือ นึกแล้วโกรธมากบอกตรงๆ นึกถึงลูกเรากลับบ้านดึกๆ กลัวมันโดนแบบนี้ เราเป็นพ่อแม่จะรู้มั้ยถ้าลูกหายไปไหน ก็เลยให้เงินแม่เด็กไว้ 500 บาท เพราะมีติดตัวไปแค่นั้น กะว่าจะเอาไปซื้อของ และทิ้งเบอร์มือถือเอาไว้ บอกเด็กว่า ถ้าไม่มีเงินไปเรียน ไปขอน้าได้ โทรไปตามเบอร์นี้แหละ ไม่ต้องไปขอพ่อสองร้อยบาทถึงประตูน้ำหรอก เงินแค่นี้น้าให้ได้

จากนั้นก็นั่งรถมอไซกลับมาที่เซเว่นต่อ จะถอนเงินค่ารถให้กับมอไซ มอไซก็ดีใจหาย บอกว่า พี่ ผมนั่งฟังพี่คุยกันแล้ว ผมโคตรซึ้งเลย ผมไม่เอาเงินค่ารถพี่นะ ถือว่าผมช่วยพี่ เงินแค่ 100 บาท คงไม่มากมายสำหรับพี่ แต่ถือว่า ผมช่วยเด็กคนนั้นกับพี่ก็แล้วกัน ฟังแล้วตื้นตันเหมือนกันกับคำพูดน้องมอไซ นานๆเราจะรับจากใครบ้าง รู้สึกดีใจ อย่างน้อยก็เท่ากับว่าวันนี้ มีคนช่วยแชร์ความดีที่เราได้ทำ รับเอาความคิดดีๆที่เราทำนั่้นเข้าไปในชีวิต ในความคิดของพวกเขา อย่างน้อยสักวันหนึ่งเมื่อเขาเจอใคราที่ลำบาก เขาจะได้ยื่นมือเข้าไป ช่วยเหลือตามกำลังที่มี

แต่ขณะที่มานั่งพิมพ์เล่าเรื่องอยู่นี้ ตะกี้ ถ้าตำรวจเอาผิดเราเรื่องขัดขวางการจับกุม ก็คงได้ใช่มั้ย เพราะเราไม่ยอมให้ตำรวจเอาเด็กคนนั้นไป การที่ตำรวจให้อภัย ก็ถือว่าเขาได้ทำความดีแล้วเช่นกัน แต่ที่นอกเหนือจากนั้นก็อยากฝากไว้พิจารณาด้วยว่า อย่าเคร่งครัดกับคนดีจนเกินไป จนทำให้พวกเขาต้องเดือดร้อนเลย ขอแค่นี้แหละ….”

ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย แอดมินรู้สึกชื่นชมคุณ Arm Issara จากใจจริง … ขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งทำให้สังคมไทยน่าอยู่ขึ้นนะครับ 

ขอขอบคุณเรื่องราวดีๆ จาก เฟสบุ๊คคุณ Arm Issara

ป้ายกำกับ:

เรื่องน่าสนใจ