แม้นักแสดงเชื่อสายจีน-อเมริกัน “แดเนียล วู” ได้ไปสร้างชื่อให้ตนเองในฮอลลีวูด กับผลงานภาพยนตร์ Warcraft วอร์คราฟต์(2016) และซีรี่ส์ อินทู เดอะ แบดแลนด์ (Into The Badlands) ที่ออกมาแล้ว 2 ซีซั่น เขาก็ยังไม่ลืมวงการบันเทิงฮ่องกง ที่เป็นเหมือนบ้านเกิด
เพราะล่าสุดได้กลับมาทำงานที่ฮ่องกง กับไตรภาค แอ๊คชั่น-ระทึกขวัญ “Sky On Fire” ซึ่งงานนี้แค่ได้ยินชื่อผู้กำกับ “ริงโก แลม” ทั้งที่ไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร เขาก็ตกลงรับงานทันทีทันใด นักแสดงหนุ่มวัย 42 ปี เปิดเผยว่า “ ริงโก แลม” เป็นเหมือนไอดอลของผม ผมติดตามงานเขาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการเสียอีก ที่ผ่านมาก็อยากร่วมงานกับเขาครับ แต่พอแลมเลิกทำหนัง ผมก็คิดว่าฝันของผมคงริบหรี่แล้วแหละ
จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว (2014 ) แลมกลับมาทำหนัง ผมเลยไม่รอช้าที่จะรับงานเรื่องนี้” ผู้กำกับมือรางวัลวัย 60 ปี ชาวฮ่องกงอย่าง ริงโก้ แลม ซึ่งว่ากันว่าหนังของเขา อย่าง “City On Fire ซิตี้ ออน ไฟร์ ” ปี 1987 เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้กำกับฮอลลีวูด “เควนติน ทาแรนติโน่” ในยุค 80-90 “ริงโก แลม” มีผลงานอันโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง เขาเป็นหนึ่งในสุดยอดผู้กำกับ ที่ได้รับการสรรเสริญ โดยแฟนหนังฮ่องกง ว่าเป็นหนึ่งในตำนานที่ยังมีชีวิต แต่หลังจากปี 2000 เขาก็ลามือ เมื่อปี 2015 “Wild City ไวล์ด ซิตี้” เป็นผลงานการกุมบังเหียน เรื่องแรกในรอบ 8 ปีของเขา
“Sky On Fire” ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ “ริงโก แลม” เล่าเรื่องของ “สกายวัน” ตึกเทคโนโลยีใหม่ที่สูงเสียดฟ้า ที่ก่อให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบกลางมหานคร จากการผลิตยารักษาโรคร้าย แถมยังเป็นชื่อของทีมที่อยู่เบื้องหลังการวิจัย ที่จะเปลี่ยนแปลงยุคสมัย และวิทยาศาสตร์ไปตลอดกาล ในวันที่ 2 ของการถ่ายทำ “แดเนียล วู” กับการสวมบทบาทเป็นหัวหน้ารักษาความปลอดภัย ก็ผิดคิวได้รับบาดเจ็บจนจมูกแตก
“ผมเข้าฉากการต่อสู้ง่ายๆ กับราชานักมวยชาวจีน ลี ไห่เต๋า ซึ่งผมต้องกระชากเสื้อยืดของเขา แต่ตอนที่กำลังยื้อยุดนั่นเอง หน้าของผมก็ไปกระแทกกับหน้าผากเขาเต็มๆ หน้ามืด ดาวเต็มฟ้าเลยครับ เมื่อส่องกระจกก็เห็นว่าจมูกผมงี้ บิดเบี้ยวไปเลย แต่โชคดีจริงๆ ที่เพื่อนในการถ่ายทำวันนั้น มีประสบการณ์ในเรื่องนี้มามาก และนำน้ำแข็งมาประคบจมูกผม ได้ทันถ่วงที จนผมไม่ต้องไปศัลยกรรม” แดเนียล วู เขากล่าว
เตรียมพิสูจน์การทุ่มเทของ “แดเนียล วู” ในภาพยนตร์แอ๊คชั่น-ระทึกขวัญ “Sky On Fire” 16 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร ร่วมด้วย “จางรั่วหวิน” และ “โจเซฟ จาง”