ที่มา: khaosod

วันที่ 23 มี.ค. ที่สถานีโทรทัศน์ ช่อง 8 แตงโม  พงษ์พิสุทธ์ ผิวอ่อน พิธีกรหนุ่ม มาร่วมพิธีบวงสรวงละครเรื่อง ใจลวง จากนั้นได้เปิดใจถึงสาเหตุเลิกรากับภรรยาสาว เฟิร์น-เกวรินทร์ หลังเพิ่งแต่งงานกันได้เพียง 8 เดือน

โดย แตงโม เผยว่า “ผมต้องชี้แจงก่อนว่า คู่เราคบกันยังไม่ได้จดทะเบียน แค่มีการวางแพลนและพูดคุยกันไว้เฉยๆ ส่วนเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา อันนี้ผมขอไม่ลงรายละเอียดและก็ขอไม่พูดถึงอะไรที่มันผ่านมาดีกว่า เพราะผมก็เคยพูดไปแล้ว ส่วนเรื่องราวหรือเหตุผลจะเป็นอะไรยังไงนั้นผมขอไม่พูดดีกว่า

เพราะว่าอันดับหนึ่งเลยคือ มันไม่ได้เกิดขึ้นที่ตัวผมคนเดียว เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เกิดจากคนสองคน และคนสองคนก็คือคนที่รู้ดีที่สุด รวมถึงยังมีคนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีก คือมีครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นถ้าบางทีพูดอะไรออกไปก็อาจจะสร้างผลกระทบได้ไม่ใช่แค่กับตัวผม แต่จะกระทบกับทางอดีตภรรยาด้วย รวมถึงครอบครัวของเราสองคน อาจจะสร้างความไม่สบายใจได้ผมขอไม่พูดถึงดีกว่าครับ”

ตอนตัดสินใจคุยกันเรื่องนี้ คุยกันด้วยความเข้าใจทั้งสองฝ่ายไหม “เข้าใจครับ มีการพูดคุยกัน เพราะการที่เราจะตกลงอะไรออกไป เราก็มีการพูดคุยกันเกิดขึ้นตลอด รวมถึงมีการคุยกันด้วยว่าไม่อยากให้พูดอะไรเยอะแยะ เพราะว่าอันดับหนึ่งเลยเขาเองก็ได้รับผลกระทบเยอะ เขาไม่ใช่คนในวงการ เขาไม่อยากที่จะออกมาพูดอะไร เขาเองก็ค่อนข้างแฟร์มากๆ ดังนั้นในตอนแรกๆ ก็เลยยังไม่พร้อมที่จะพูด

หลายๆ คนค่อนข้างตกใจเพราะคู่เราแต่งงานได้เพียงแค่ 8 เดือน “ผมเองก็ตกใจครับ ที่บ้านก็ค่อนข้างเป็นห่วงเหมือนกัน เพราะการคบใครสักคนเราก็ไม่ได้อยากให้มีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น แต่เรื่องของความรักก็เป็นเรื่องที่เราคาดเดาไม่ได้ เพราะแต่ละคนต่างก็มีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน

บางคนอาจจะมองว่าเร็ว บางคนก็บอกว่าหากอึดอัดก็ต้องตัดสินใจ คือเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่พูดยากมากๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ปัญหาคาราคาซัง แต่เป็นเรื่องของความสบายใจมากกว่า ถ้าเราอยู่กับใครและเราสบายใจ เรายอมรับซึ่งกันและกันได้ เรามีเหตุผลมากพอ เรารักกันมากพอ มันก็น่าจะประคับประคองกันไปได้

แต่ผมก็ไม่ได้บอกนะว่าเป็นสาเหตุใดสาเหตุเหนึ่ง แค่รวมๆ แล้วเรามีการพูดคุยกันว่าเราสบายใจตรงไหน จากนั้นก็เลือกทางที่ดีที่สุดให้ทั้งคู่ไม่ให้ใครต้องอึดอัด ถามว่ามีทะเลาะกันถึงขั้นถอดแหวนแต่งงานไหม ก็เคยมีครับ แต่ผมไม่พูดดีกว่าว่าเพราะสาเหตุอะไร อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่ทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ แต่สุดท้ายเราก็พูดคุยกัน”

ชีวิตจากเป็นแฟนกันจนมาเป็นสามีภรรยาเปลี่ยนไปมากหรือเปล่า ถึงทำให้คู่เราไปต่อไม่ได้ “ถ้าบอกว่าชีวิตก่อนแต่งกับหลังแต่งมันแตกต่างกันยังไง อันนี้ผมก็ไม่เคยทราบเลยนะว่ามันแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร จนได้มีประสบการณ์แต่งงาน ซึ่งมันก็แตกต่างนะ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นแฟนกันอยู่ด้วยกันทดลองใช้ชิวิต แต่ก็ยังไม่เหมือนกับการแต่งงานอยู่ดี

 ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่ามันแตกต่างกันยังไง ไม่สามารถอธิบายมาเป็นคำพูดได้ แต่เป็นเหมือนความรู้สึกบางๆ ที่อยู่ในชีวิตคู่มากกว่า ถามว่าตลอดระยะ 8 เดือนเราสองคนปรับจูนกันไหม มีแน่นอน เราปรับจูนกันตั้งแต่ก่อนแต่งด้วยซ้ำ คือดูว่าเขาชอบแบบไหน เราชอบแบบไหน แต่ว่าที่สุดแล้วคนเราถ้าหากเป็นตัวของตัวเองยังไง ก็จะต้องเป็นตัวของตัวเองอยู่ดี เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งหมด หรือไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจากตัวเราไปเป็นสิ่งที่เขาชอบได้ นอกเสียจากเราจะรับได้ในสิ่งที่เขาเป็น”

เสียใจไหมกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น “เสียใจแน่นอน ไม่มีใครดีใจหรอกในการเลิกรา แต่เราก็ยังมีหน้าที่การงาน มีพ่อแม่ที่เราต้องรับผิดชอบ มีชีวิตที่เราต้องดำเนินต่อ มีภาระต่างๆ ที่ต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งจริงๆ แล้วสำหรับเรื่องของผมอาจจะยังเบาๆ หากเทียบกับหลายๆ ท่านที่เขาเจอมาหนักหนากว่าผม แต่ทุกคนก็ยังสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้

ฉะนั้นผมก็ต้องลุกขึ้นยืนลุกขึ้นสู้ต่อไป สภาพจิตใจของผมตอนนี้โอเคแล้ว เพราะอย่างที่บอกพอมีเรื่องอื่นๆ เข้ามาให้เราคิดเยอะ เราก็เลยต้องสู้ต่อไป ไม่ใช่แค่ตัวผม แต่ทางอดีตภรรยาของผมด้วยเหมือนกัน เขาเองก็ยังออกไปทำงานทุกวัน พบปะผู้คนทุกวันแถมเจอมากกว่าผมด้วยซ้ำ

ดังนั้นผมเชื่อว่าเขาเองก็เข้มแข็งมากๆ ที่จะต้องออกไปทำงานทุกวัน ถามว่าเรายังคุยกันอยู่ไหม ตอนนี้ไม่ได้คุยแล้ว แต่ถ้าหากมีปัญหาหรือว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องคุยก็สามารถคุยกันได้ เพราะเราไม่ได้เกลียดกัน คุณพ่อคุณแม่ก็มีเข้ามาช่วยพูด แต่มันผ่านช่วงที่เราพูดคุยกันมาแล้ว เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่เราทั้งคู่ตัดสินใจกันแบบด่วนๆ มันมีเหตุการณ์มาพอสมควร”

เราเริ่มชินกับการใช้ชีวิตคนเดียวแล้วหรือยัง “ยังไม่ชินนะ ก็ยังรู้สึกแปลกๆ ไปอีกแบบหนึ่ง สำหรับเรือนหอจริงๆ แล้วก็เป็นบ้านที่ผมซื้อมา ผมอยู่มาก่อนหน้านั้นแล้วและตอนนี้ผมก็ยังอยู่ที่เดิม ส่วนอดีตภรรยาเขาก็กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่เขา

ถามว่าจะมีโอกาสกลับมาปรับความเข้าใจกันอีกครั้งไหม ผมยังไม่ทราบเลย ตอนนี้ยังไม่อยากจะพูดอะไร เรื่องของอนาคตเราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเป็นแบบไหน วันนี้เราอาจจะเลิกกัน แต่วันหน้าหากเรากลับมาเจอและมีคำพูดบางอย่างที่ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น เราก็อาจจะสามารถกลับมาพูดคุยกันได้คบกันได้ มันเป็นเรื่องของอนาคตครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ไม่ได้อยากที่จะปิดกั้นตัวเองว่าสิ่งไหนได้หรือสิ่งไหนไม่ได้”

ในใจลึกๆ รู้สึกเสียดายกับการตัดสินใจแบบนี้ไหม “ไม่ทราบว่าจำกัดความว่าอะไรนะ แต่ในเมื่อเราตัดสินใจแล้ว เราก็ขอเลือกทำสิ่งที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ให้ดีที่สุดดีกว่า ถามว่าเราจบสวยไหม ถ้าให้พูดตรงๆ โลกไม่ต้องสวยนะ ไม่มีการเลิกครั้งไหนสวยแน่นอน แต่มันอยู่กับเรามากกว่าว่าเราจะประคองมันยังไง พูดออกมาแบบไหน ทำให้เขาไม่ได้รับผลมากและเราทั้งคู่ก็ไม่ต้องมาเจ็บช้ำน้ำใจมากไปกว่านี้

สำหรับเรื่องมือที่สามผมเคยบอกไปแล้วว่าไม่มีแน่นอน และทุกวันนี้ผมเองก็ยังใช้ชีวิตอยู่คนเดียวด้วย บางกระแสบอกว่าผมเป็นเกย์หรือเปล่า ถ้าหากจะเป็นจริงๆ ก็คงเป็นไปนานแล้ว (หัวเราะ) จริงๆ ก็มองได้นะเพราะผู้ชายเดี๋ยวนี้หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น

แต่สำหรับผมไม่ได้ดูแลตัวเองหรือเจ้าสำอางอะไรขนาดนั้น แค่อาจจะเป็นด้วยลุกส์หรือด้วยคำพูดมากกว่า เพราะผมมีเพื่อนผู้หญิงและเพื่อนเพศที่สามเยอะก็เลยอาจจะติดเรื่องมือไม้มาบ้างนิดหน่อย

ข่าวว่าเราเป็นเกย์จริงๆ ก็ตลกดีนะ ผมเองก็ชินแล้วด้วย เป็นเรื่องที่ผมรับมือกับมันได้มากกว่า ขนาดพี่ๆ ช่างแต่งหน้าช่างทำผมบางคนยังบอกเลยว่าผมไม่กลัวเลยเนอะ ซึ่งผมมองว่าผมไม่รู้จะกลัวทำไม แถมผมยังรู้สึกสบายใจด้วยซ้ำเพราะว่ามันไม่ได้มีอะไรจริงๆ ยืนยันว่าแมนครับ ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน”

ณ ตอนนี้พร้อมเปิดใจให้กับความรักครั้งใหม่แล้วหรือยัง “เรื่องนี้ผมขอไม่โฟกัสเลยดีกว่า คืออะไรใช่เดี๋ยวมันก็เข้ามาเองแต่ถ้าอะไรไม่ใช่เดี๋ยวมันก็ออกไป ถ้าให้ผมบอกว่าผมอยากมีแฟนใหม่ไหม คือมันยังไม่ใช่ เอาเป็นว่าอนาคตจะเจอใครและถ้าเขาใช่มันก็ใช่เอง แต่ ณ ตอนนี้ผมขอไม่ขวนขวาย เน้นโฟกัสเรื่องงานเป็นหลักดีกว่า

ส่วนตัวเรายังคิดอยากจะมีครอบครัวอีกไหม “เคยนั่งคิดนะว่าจะทำยังไงกับชีวิตต่อไปจากนี้ ซึ่งบางคนเขาก็แนะนำว่าให้ดูหลายๆ คนเป็นตัวอย่าง เพราะบางคู่เขาก็อยู่กันได้มีครอบครัวกันได้โดยที่ไม่ต้องแต่งงาน แต่สำหรับผมมานั่งคิดดูแล้ว ณ ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถให้คำตอบตัวเองได้ว่าจะยังไง ก็เป็นความลังเลไม่แน่ใจเพราะไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นแบบไหน แต่ผมเชื่อว่าคนเราขาดความรักไม่ได้หรอก เพียงแค่มันอาจจะยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ”

ภาพจาก อินสตาแกรม นิตยสาร VOLUME

เรื่องน่าสนใจ