ยังคงเป็นประเด็นที่อยู่ในกระแสสังคมตอนนี้ สำหรับ กรณีที่เมื่อวานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งโต๊ะแถลงปิดสำนวนคดีการเสียชีวิตของนักแสดงสาว แตงโม นิดา ที่ตกเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิต ล่าสุด อดีตคนเคยรักอย่างหนุ่ม แต๊งค์ พงศกร และเพื่อนสนิท อะตอม สัมพันธภาพ ได้มาเปิดใจถึงเรื่องนี้ผ่านทางรายการคุยแซ่บ show ทางช่อง วัน31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ งานนี้หนุ่มแต๊งค์ได้พูดถึงประเด็นที่โพสต์เดือดในอินสตาแกรมถึงทนายขยะ และตอนนี้ทนายชื่อดังทำเรื่องฟ้องหนุ่มแต๊งค์เรียบร้อยแล้ว
เมื่อวานตำรวจได้แถลงสรุปคดีแตงโมไปแล้ว แต๊งค์เมื่อวานได้ฟังไหม?
แต๊งค์ : “ได้ฟังเป็นบางช่วง บางตอน บางช่วงก็ขี้เกียจฟัง มันมีการจัดสไลค์โชว์ ผมคิดว่าเปิดไปผิดช่อง แบบเป็นพวกพรีเวดดิ้งอะไรแบบนี้”
นั่งดูอยู่แล้วรู้สึกยังไงบ้าง?
แต๊งค์ : “ผมก็พยายามตั้งใจฟังในสิ่งที่ตำรวจพูด แต่ส่วนใหญ่ตัวอย่างหลักฐานที่เขานำมาแสดงก็เป็นหลักฐานที่เราเคยเห็นอยู่แล้ว เขาก็จะออกมาตอบกับสื่อว่าที่มีคนตั้งข้อสงสัยมีอะไรบ้าง ผมอาจจะอิงกับคำพูดของคุณหมอพรทิพย์แล้วกัน สมมติว่านี่เป็นภาพจิ๊กซอว์ภาพใหญ่ มันจะมีรูที่ตัวจิ๊กซอว์มันต่อแล้วไม่ลง พอต่อไม่ลงเขาไม่พยายามค้นหาสิ่งที่ถูกต้องมาใส่ เขาโยนทิ้งแล้วเขาสรุปทั้งภาพที่มันมีข้อบกพร่องอยู่แบบนั้น”
แต๊งค์คิดเหมือนที่ตำรวจแถลงไหม?
แต๊งค์ : “ถ้าเกิดเขาใช้คำว่าสันนิษฐานเนี่ย เราก็มีความรู้สึกยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนสักที แต่จริงๆ เราแอบเผื่อใจไว้นานแล้วแหละ เพราะคดีนี้พยานบุคคลมันมีแค่คนบนเรือ พยานหลักฐานมันก็เลือนลางเหลือเกินภาพถ่ายทางกล้องวงจรปิด คือเราพยายามหากันมา 2 เดือนเต็มๆ แล้วก็ไม่มีหลักฐานอะไรเพิ่มเติม”
มันไม่มีภาพ HD ที่แบบว่าตกไม่ตก ตกยังไง ตกข้างหน้า หรือข้างหลัง?
แต๊งค์ : “หรือว่าเราดูหนังฝรั่งเยอะไปหรือเปล่า ดูพวก dsi เยอะไปหรือเปล่า เราเลยรู้สึกผิดหวังกับตำรวจไทยที่ทำไมไม่เก่งเลย”
หรือคนไทยต้องการให้มันจบแบบฮอลีวูด ว่าแกตีเขาจริง เขาเลือดออก เขาเซ แล้วแกผลักเขาตกจนเขาจมน้ำ แล้วแกเข้าคุก คนไทยต้องการแบบนี้หรือเปล่า?
แต๊งค์ : “ผมไม่ถึงขนาดนั้น ผมมองว่ามันเป็นอุบัติเหตุแหละ ตอนแรกผมพยายามที่ไม่ตัดประเด็นไหนออก แต่ว่าตอนนี้เรามองออกแล้วแหละ เราตัดประเด็นในเรื่องของการไปรับงานเอ็น ตัดเรื่องฆาตกรรม แต่ว่าการให้การของคนบนเรือมันเป็นความจริงทั้งหมดหรือไม่ มันเป็นการให้การแบบเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองหรือเปล่า แล้วตำรวจเอื้อประโยชน์กับพวกเขาหรือเปล่า ผมมองคล้ายๆ ที่คุณหญิงหมอว่ามันควรเป็นคดีตัวอย่างที่มีการปฏิรูปในกระบวนการยุติธรรม”
เมื่อวานได้ดูแถลงข่าวของคุณตำรวจคุณอะตอมรู้สึกยังไงบ้าง?
อะตอม : “รู้สึกไม่สบายใจอยู่ 3 เรื่อง เรื่องแรกเลย เพื่อนสนิทเราไปฉี่ท้ายเรือจริงหรือเปล่า เรื่องที่สองเขาตกตรงจุดไหนกันแน่ หัวเรือ ท้ายเรือ เรื่องที่สามผู้ที่อยู่บนเรือที่บอกว่าประมาทเนี่ยประมาทยังไง ใครกันที่ประมาท แล้วใครอยู่ตรงจุดไหนบ้าง ตัวผมเองรอมาเกือบ 2 เดือนกว่า ตั้งแต่ก่อนบวช ยันบวชเสร็จแล้ว เราตั้งความหวังไว้สูงว่าเราอยากได้ยินเรื่องพวกนี้มากๆ แต่กับไม่ได้ยินเลย เมื่อวานผมดูแถลงสำนวน ตอนนี้ผมตั้งความหวังไว้อย่างเดียวว่าให้ท่านอัยการ ถ้าเกิดท่านดูอยู่ อยากให้อัยการช่วยหาพยานหลักฐานมาให้เยอะที่สุด อย่าให้เพื่อนผมต้องไปฟรีๆ อยากให้ได้รับความเป็นธรรมกับมันเยอะที่สุด ถ้าเกิดว่าดวงวิญญาณมันยังดูอยู่ ก็อยากให้รู้ว่าหลายๆ คนรักและช่วยมันอยู่ ก็อยากให้ความเป็นธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวเขามากที่สุด”
ตำรวจบอกว่ามีคนประมาททำให้คนอื่นถึงแก่ความตาย แต๊งค์พอได้ยินประโยคนี้รู้สึกยังไง?
แต๊งค์ : “จริงๆ เราต้องยกประโยชน์ให้จำเลย เพราะว่ามันเป็นข้อสงสัย อย่างที่บอกมันมีพยานบุคคลแค่ 5 คนบนเรือแต่ว่าเรื่อคดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตมันก็มีโทษสูงนะ คุกสูงสุดคือ 10 ปี ปรับอีกเท่าไหร่ผมจำไม่ได้ ทีนี้ด้วยความที่เราอยากให้มันเป็นคดีตัวอย่างด้วย และอยากให้คดีนี้มันสิ้นสุดลงที่มีคนผิดถูกลงโทษจริงๆ ต้องมีคนออกมารับผิดชอบกับการสูญเสียครั้งนี้จริงๆ ในอนาคตจะได้ไม่มีปัญหา เมาขับเรือ พอคนตกเรือแล้วกลับบ้านนอน มันจะทำให้อนาคตจะได้ไม่มีใครมาตกเรือตายแบบนี้ จะได้ไม่มีใครมาเสียชีวิตด้วยความประมาทแบบนี้อีก”
อะตอม : “อย่างที่คุณแต๊งค์พูด อยากให้เป็นบรรทัดฐาน ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับว่าอยากให้มันเป็นบรรทัดฐานของกระบวนการยุติธรรมไทย ไม่ใช่ว่าคนที่มีเงินหรือคนที่มีคอนเนกชั่นจะต้องชนะทุกอย่าง ขอให้ทุกอย่างอยู่ในพื้นฐานของความเป็นจริง มันมีหลายสิ่ง หลายอย่างที่เราเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ก็มีหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างที่เราเอ๊ะ…อยู่ในใจ เอ๊ะ…คุณทิ้งเพื่อนคุณไปได้ยังไง ตัวผมตั้งแต่ทราบข่าวว่าแตงโมตกน้ำ ผมไปที่ท่าน้ำ 2 วันเลยนะจนกระทั่งเจอศพเพื่อน ผมเจอแต่น้องโม อมีนา ผมเจอแต่น้องฮิปโป เจอแต่น้องเบิร์ดแฟนแตงโม แต่ผมไม่เจอ 5 คนบนเรือเลยแม้แต่คนเดียว ถามว่าคุณใจเย็นกันขนาดนั้นเลยเหรอ คุณไปได้ยังไง นั่นแหละครับคือข้อสงสัยของผม”
ที่คุณแต๊งค์โพสต์เดือดในไอจี?
แต๊งค์ : “ผมมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ แล้วมีข่าวล่าสุดว่าเขาจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับผมวันนี้ แต่เนื่องจากผมไม่ได้เอ่ยถึงใคร 1.ผมมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ตามความรู้สึกที่สุจริตใจ วิพากษ์วิจารณ์ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ผมมีสิทธิ์ของผม ถ้าเกิดมันไปกระทบใคร อย่าร้อนตัว อย่าไปเดือดร้อนว่าตัวเองจะเป็นขยะหรือเปล่า”
ก่อนที่พี่แต๊งค์จะโพสต์อย่างนั้นความรู้สึกของพี่แต๊งค์มันเกิดอะไรขึ้น?
แต๊งค์ : “มันมีไลฟ์อันนึงที่ไปกระทบบุคคลที่สำคัญในประเทศ เป็นคุณหมอท่านหนึ่ง ท่านช่วยเหลือคนมาเยอะ ทำให้คนรอดตายมาเยอะแยะมากมาย แล้วบุคคลที่เราพูดถึงอยู่เนี่ยก็ไปด่าเขา ไปหาว่าเขาหิวแสง เขาไม่ได้มีความเกรงอกเกรงใจต่อผู้ที้มีคุณูปการหรือมีประโยชน์มากกว่าตัวเองเลย”
นี่คือจุดที่พี่แต๊งค์รู้สึกว่ามันเกินไปแล้ว?
แต๊งค์ : “จริง”
ถ้าเขาฟ้องเราจริงๆ?
แต๊งค์ : “เขาฟ้องจริงๆ เขาเรียกนักข่าวไปหมดแล้ว เราก็สู้ในชั้นศาลต่อไป เขาอยากเจอผมเวทีอื่น ถ้าไม่ใช่ในโซเชียลเขาบอกว่าถ้าในโซเชียลเขาแพ้แน่นอน ก็ไปเจอในชั้นศาลก็ว่ากันไป แต่ผมยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าผมไม่ได้มีเจตนาทำร้ายใคร หรือทำให้ใครเป็นที่ถูกเกลียดชัง ผมแค่วิพากษ์วิจารณ์ในส่วนที่มันควรจะเป็นในพื้นที่สาธารณะและในสังคมเรา”
เขาฟ้องพี่แน่นอน?
แต๊งค์ : “ใช่ แต๊งค์ลัวมากเลย กลัวโดนแม่ด่า แม่ไม่ชอบให้มีคดีความกับใคร ขอโทษครับแม่ แต่ผมเชื่อว่าผมไม่ผิด”
คดีฟ้องจ่อใกล้ตัวขนาดนี้ทำไมไม่รู้สึกกลัวเลย?
แต๊งค์ : “ก็ลองไปฟ้องดู ผมอ่านหนังสือเป็น บ้านมีอินเตอร์เน็ตใช้ ผมเข้าไปอ่านกฎหมายสิ ผมก็รู้ขอบเขตอะไรที่พูดได้พูดไม่ได้ แล้วมีอะไรที่คุ้มครองผมบ้าง อย่าลืมว่าคุณฟ้องคุณมีสิทธิ์เสรีภาพในการปกป้องสิทธิ์ของคุณ ผมก็มี มันก็มีกฎหมายคุ้มครอง”
แล้วถ้าคดีพลิกล่ะ นอนคุกไม่กลัวเหรอ?
แต๊งค์ : “ผมไม่เคยทำผิดอะไรมาก่อน ถ้าเกิดคนบนเรือ 5 คนไม่นอนคุก ผมก็ไม่ได้นอนคุก”
อะตอมได้อ่านที่คุณแซนโพสต์ไหม?
อะตอม : “เห็นเมื่อวาน ต้องบอกว่าทุกอย่างมันยังไม่จบ มันยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลย แต่ว่าคุณไปลงอย่างนั้น คุณรู้ว่าถ้าลงไปแล้วคุณจะมีฟีดแบ็กอะไรจากสังคมบ้าง ถ้าเกิดเป็นผม ผมจะไม่ทำ ผมจะไม่ลง แล้วก็ตราบใดที่ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลย คุณไปนั่งบนรถมีนักข่าวล้อมรอบคุณอยู่ แต่คุณไปลงรูปยิ้ม ลงให้กำลังใจกันผมคิดว่าอย่างนั้นมันไม่โอเค ส่วนตัวผมอะนะ”
โพสต์เดือดไปแล้วรอบนึง จะโพสต์ไปเรื่อยๆ แบบนี้จนกว่าคดีจะจบไหม?
แต๊งค์ : “ผมคิดว่าผมมีวุฒิภาวะพอ ผมไม่ต้องการสร้างศัตรู ผมอาจจะโพสต์แล้วมีคนรับผลกระทบอันนี้ไป แต่ผมไม่ได้มีเจตนาร้าย ผมอยากกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง กระตุ้นให้เขาคิดได้ เพราะฉะนั้นใครที่เดือดร้อน รู้สึกว่าตัวเองมีความผิด หรือรับสิ่งที่ผมพูดไปเนี่ยก็ต้องไปเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมจะไม่โพสต์แบบสร้างศัตรูหรือว่ากัดกัน ต่อล้อต่อเถียงกัน เพราะมันไม่มีประโยชน์กับคดีแล้ว ไม่มีประโยชน์ต่อการทำงาน ไม่มีประโยชน์ต่อสังคมแล้ว”
ทนายที่จะฟ้องเรา คิดว่าตอนนี้เขาร้อนตัวไหม?
แต๊งค์ : “ร้อน เก็บอาการไม่อยู่แล้วจริงๆ เอาอย่างนี้ดีกว่าเขาจะไปแจ้งความผมเรื่องอะไร จะเป็นหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ผมไม่ได้เอ่ยชื่อ ผมมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ จะเป็นดูหมิ่นซึ่งหน้า ก็ไม่ซึ่งหน้า ถ้าผมใช้คำว่าทนายขยะเนี่ยต้องอยู่ในพื้นที่ที่เขาได้ยินผม เพราะว่าเจตนารมย์ของกฎหมายอันนี้ที่ห้ามด่าคนหยาบคายต่อหน้าเนี่ย เพราะเขากลัวคนต่อยกัน มันต้องเป็นการใส่ความที่เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งประโยคที่ผมพูดไป มีประโยคไหนบ้างที่เป็นข้อเท็จจริง ผมมีแต่ตั้งข้อสงสัย ผมมีแต่พูดแดกดัน”
ครอบครัวพี่ว่าไงบ้าง?
แต๊งค์ : “ครอบครัวผมคงเป็นห่วงผมเหมือนกัน อันนี้ผมโกรธอย่างนึง เขาไปแจ้งความที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ มันไกลบ้านผม”
เมื่อวานตำรวจสรุปสำนวนคดี เขาบอก 5 คนเจอคดีอะไรบ้าง เราฟังแล้วโอเคไหม?
อะตอม : “ก็โอเค แต่ทีนี้มันอยู่ที่โทษที่ 5 คนจะได้รับแบบไหนมากกว่า ตรงนี้ต้องรอดู แต่ผมเชื่อว่าถ้าไม่มีใครติดคุกเลย ผมว่าประชาชนคงจะไม่อยู่นิ่งๆ แน่นอน เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมา มันไม่ได้มาจากผู้อื่นเลย มันมาจากที่พวกคุณสอบสวนตั้งแต่แรก มันมาจากที่พวกคุณพูดกับสังคมหมดแล้วค่อยมากลับคำให้การ แต่ท้ายที่สุดแล้วเนี่ยถ้าคุณใช้กฎหมาย ใช้คอนเนกชั่นด้านกฎหมายในการอุ้มพวกคุณเนี่ย ผมคิดว่าประชาชนคงจะไม่ยอมแน่”
เมื่อวานอัยการให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ได้ยินแล้วเป็นยังไง?
อะตอม : “ต้องบอกว่าหน้าชาเหมือนกัน ส่วนหนึ่งเราคิดเรื่องพวกนี้ไว้นิดหน่อย แต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ ในเมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ ก็ต้องรอดูต่อไป อย่างที่ผมบอก ผมฝากท่านอัยการที่รับผิดชอบคดีนี้ คดีนี้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงได้หลายอย่างถ้ามันเป็นอย่างที่เราคิด ที่ประชาชนคิด มันได้คุณกับตัวคุณเอง แต่ถ้ามันค้านมันก็เป็นโทษกับตัวคุณเองเช่นกัน”
เรื่องนี้เข้าถึงอัยการแล้ว คนอื่นห้ามยุ่งแต๊งค์เรายังยุ่งได้ไหม?
แต๊งค์ : “ผมว่าตอนนี้กระแสสังคมยังยุ่งได้ ถ้าเกิดมีการตีสำนวนกลับมาให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมเป็นไปได้อยู่ แต่ถ้าถึงชั้นศาลแล้วเราก็นิ่งดีกว่า”
อะตอม : “ในความเป็นเพื่อนของเราก็แสดงความคิดเห็นในโซเชียลเรื่อยๆ แต่คงไม่ได้โพสต์ในลักษณะของแนะ เพราะว่าเราก็รู้สึกเบาใจ และให้อัยการทำงานให้เต็มที่ ไม่อยากที่จะแนะ เดี๋ยวหาว่าชี้ทางสังคมอีก”
ถ้าอัยการหรือทีมเขาดูอยู่อยากบอกอะไรเขา?
แต๊งค์ : “ขอนะครับ ขอให้ท่านทำคดีนี้ให้รัดกุมที่สุด หาทุกตัวจิ๊กซอว์ให้มันลงช่องให้ได้ แล้วค่อยส่งให้ถึงมือศาลท่านแล้วเราค่อยเปิดพิจารณาคดีในชั้นศาล ตอนนี้สำนวนมันไม่รัดกุมยังไง ส่งไปให้ตำรวจ เปลี่ยนทีมตำรวจก็ได้”
อะตอม : “จริงๆ ก็พูดไปหมดแล้ว ก็อยากเป็นกำลังใจให้แล้วกัน เป็นกำลังใจให้คนที่รับผิดชอบเรื่องเพื่อนเรา ทำให้เต็มที่ และมีความตรงฉินในตัวเองให้เยอะที่สุด”
นี่คือเสื้อของเบิร์ดถูกต้องไหม?
แต๊งค์ : “ถูกต้องครับ”
อยากบอกอะไรเบิร์ด?
แต๊งค์ : “รักนะ จุ๊บๆ พี่เบิร์ดเป็นคนดี ก็สู้มีชีวิตที่มีความสุขต่อไปให้ได้ คนที่จากเขาจากไปแล้ว ทีนี้สิ่งที่เขาอยากเห็นคือคนที่ยังอยู่มีความสุข”
อะตอม : “ได้สัมผัสน้องถือว่าเพื่อนเราโชคดีมาก พี่เป็นกำลังใจให้น้องสู้ต่อไปครับ”
ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่