สำหรับใครที่อยากแบกเป้หนีเที่ยว วันนี้โดดเด่นดอทคอมพาคุณมาดูรีวิวเปิดประสบการณ์การเที่ยวเกาะเต่าแบบ 4 วัน 3 คืนสุดประหยัดจาก สมาชิกหมายเลข 1026588 ในกระทู้พันทิป ที่ทุกคนสามารถไปตามรอยได้แบบแบคแพค ไม่ต้องง้อใคร ที่สำคัญงบน้อยอย่างเหลือเชื่อ
การเดินทางทั้งหมด
กรุงเทพ 13.00 > รถไฟฟรีขบวน171 > สถานีรถไฟชุมพร 22.00 > รถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง(100 B) > ท่าเรือท่ายาง 23.00 > เรือนอน (400 B)
> เกาะเต่า 06.00 > เช่ามอเตอร์ไซต์ (200 B) > ซื้อ Onedaytrip รอบเกาะ 10.00 – 16.00 (600 B) > เรือนอน (400 B) > ท่าเรือท่ายาง 5.30 > สองแถวรับส่ง (50 B) > สถานีรถไฟชุมพร 6.30 > รถไฟฟรีขบวน254
หลังจากจัดกระเป๋าเรียบร้อยเดินทางขึ้นรถไฟฟรี จขกท ขึ้นจากสถานีศาลายาโดยรถไฟจะมาถึงตอน 14.08 จึงมาก่อนเวลา 30 นาที เพื่อการซื้อตั๋วขึ้นรถไฟ เดินทางมาถึงสถานีตีตั๋วเรียบร้อย ได้ตั๋วมาแถมยังมีเวลาเหลืออีก 20 นาที
หลังจากนั่งมาถึงค่ำรถไฟก็มาถึงจุดหมาย สถานีรถไฟชุมพร เควชที่สองก็เริ่มขึ้นคือต้องไปขึ้นเรือนอนที่ออกเวลา 23.00 น.(แล้วแต่วันควรโทรเช็คแต่ละบริษัท) แต่รถไฟจะเลทตามที่กล่าวไว้แล้ว หลังจากถึงสถานีชุมพรจึงต้องรีบเดินทางไปท่าเรือ ทางเลือกที่มีทางเดียวตอนนั้นก็คือมอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าสถานี ด้วยราคา 100 บาท พี่เค้าจะไปส่งถึงท่าเรือพร้อมทั้งพาไปซื้อตั๋วเรียบร้อย
หลังจากซื้อตั๋วเสร็จ ตอนนั้นเหลือเวลาอีก 20 นาที จึงได้ตุนขนม กินมาม่าเพื่อกันหิวในตอนกลางคืน เพราะบนเรือจะไม่มีของขายแต่ที่ขาด
ขึ้นเรือเรียบร้อยแต่ผมไม่ได้จองมาก่อนจึงได้นอนเตียงเสริมเป็นเบาะที่ปูระหว่างเตียงหลักแต่สำหรับผมความสบายเหมือนกันนอนไหนก็ได้ขอให้ได้ไปก็พอ
Day 2
ลืมตางัวเงียตื่นขึ้นมาอีกทีดูเวลา 6 โมงเช้า ห้องนอนเปิดไฟเป็นสัญญาณแจ้งเตือนว่าเรือใกล้เทียบท่าแล้ว เก็บของเรียบร้อย เรือก็จอดเข้าเทียบท่า ด้วยความแกร่งกล้าวิชารับกระเป๋าจากห้องสัมภาระได้ ก็เดินตามหาหนังสือคัมภีร์เทพเกาะเต่า
ตามคำแนะนำของท่าน high on dreams นามว่า Koh Tao complete guide ตามที่ได้รับคำแนะนำมา เมื่อได้รับเหมือนท่านได้รับ Hack map ทั้งหมดในเกาะเต่า ทุกหาดทุกอ่าว รวมทั้งรูปตัวอย่างของแต่ละที่ประกอบการตัดสินใจ หาได้จากถามร้านค้าหรือโรงแรมต่างๆจะเป็นเอกสารแจกฟรี
ตอนเรามาถึงจะค่อนข้างเช้าจะไม่ค่อยมีร้านเปิดอยู่ดี เพื่อความประหยัดจขกทจึงเลือกใช้การเดินแทนรถรับจ้าง เพื่อความประหยัดงบแถมยังได้ชมบรรยากาศยามเช้าอีกด้วย หลังจากออกจากท่าเรือเดินไป7-11เพื่อหาอะไรกินรองท้อง ตามคำแนะนำหาดแรกที่ใกล้ที่สุดและจะมาถึงเป็นหาดแรกจากบริเวณท่าเรือ ก็คือหาดทรายรี ฟ้าเริ่มเปิดแดดเริ่มส่องก็ เรือจอดค่อนข้างเยอะบรรยากาศจะคล้าย ๆ ภาพด้านล่าง
เนื่องจากไม่ได้จองโรงแรมเอาไว้เลยต้องมาตายเอาดาบหน้าเดินหาร้านเช่ารถมอเตอร์ไซต์ หาเช่าได้ในราคา 200 บาท มีหลายร้านให้เลือกที่ไม่เสียค่ามัดจำ ร้านปกติมีค่ามัดจำ 2-5 พันบาท ตรงนี้ใช้สกิลส่วนตัวนะครับ เป็นคนไทยต่อรองง่าย
ตรงนี้สำคัญได้มอเตอร์ไซต์เรียบร้อยก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน มีเวลาก่อนที่พักจะเช็คเอาท์ อีกประมาณ 1 ชั่วโมงจึงตัดสินใจจอดรถแวะถ่ายรูปที่หาดทรายรี
ตระเวณหาโรงแรมจนกระทั่งได้ Jizzo Hostel ในราคาที่พัก 300 บาท องรวมเตียง2ชั้นประมาณห้องละ 10 เตียง มีแอร์ ห้องน้ำรวม และมีลอคเกอร์ให้ (กุญแจเตรียมเอง)
ต่อมาจะเป็นที่ที่ฮิตที่สุด เนื่องจากไปง่ายทางค่อนข้างสะดวก อ่าวฟรีดอม บรรยากาศจะค่อนข้างสนุกสนาน มีฝรั่งค่อยข้างเยอะ ไม่เหงาแน่นอนจนถึงขั้นวุ่นวายซะด้วยซ้ำ บนหาดมีร้านขายอาหาร มีปิงปองทะเลให้เช่ามาเล่นกัน ถ้าใครกลัวเหงาหาดนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
หาดต่อมาเป็นหาดโฉลกบ้านเก่าหาดสุดท้ายของวันเนื่องจากทนความร้อนไม่ไหว อยากจะกลับไปอาบน้ำให้สบายตัว เป็นหาดส่วนตัวที่เป็นคล้ายๆท่าเรือ มีร้านอาหาร และ โรงเรียนสอนดำน้ำอยุ่ที่ชายฝั่ง ก็อยู่ได้ไม่นานก็เป็นดังรูปประมาณนี้
หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยก็ถึงเวลาเย็นประมาณ 5 โมงกว่าๆ จึงเปิดแผนที่เลือกหาดที่อยู่ฝั่งตะวันตกเพื่อชมวิวพระอาทิตย์ตก จึงตัดสินใจเลือกจุดชมวิว ดุสิตบัญชา ซึ่งเป็นรีสอร์ทส่วนตัว เพราะดูจากรูปถ่าย จัดแจงของหยิบกุญแจรถคร่อมภาหนะคู่ใจ รีบขับเพื่อไปหามุมถ่ายรูป
แต่กลับหลงทางไปไกลขับกลับมาทางใหม่ได้ไม่นานเกินอึดใจก็ไปถึง ดุสิตบัญชารีสอร์ท ทางลงชันมากต้องเดินเท้าเข้าไป หวังว่าจะพบกับความสวยงามจากจุดชมวิวที่เห็นเกาะนางยวล พร้อมแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า แต่ไปถึงก็หน้าเหวอครับ เพราะที่ที่ลงด้านล่างได้เป็นเฉพาะลูกค้าของรีสอร์ท แต่รีสอร์ทสวยมากนะครับ มีร้านอาหารบนจุดชมวิวที่มองเห็นเกาะนางยวนตามภาพด้านล่าง แนะนำอย่างยิ่งสำหรับผู้มีโอกาสไปทาน แต่ทริปนี้ท่องไว้ ประหยัด ประหยัด ทำให้อดใจเลือกทางเลือกสุดท้าย
และสุดท้ายก็กลับมาหาดท่าไม้ตายตอนเช้า ทรายรี แม้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดรัวๆ มาสองที่หวังว่าด้วยเวลาที่แสนจะจำกัด สวรรค์จะทรงโปรดความโชคดีให้จขกท.สักนิด ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีเสมอ แล้วจขกท. ก็ได้พบกับมุมมหาชน
เปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเล่นชายหาด ดูดาวเพลินๆ นั่งทอดอารมณ์คิดอะไรเพลิน ตามสไตล์หนุ่มโสด ไม่หนีร้อนก็หนีรักมาเที่ยวทะเล ฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง พอเพลินๆ กับ 400 กิโลจากบ้าน แต่ฟ้าก็ฟ้าเดียวกัน แต่ภาพนั้นเป็นเหมือนคนละภาพกัน ดาวนับพันบนท้องฟ้าระยิบระยับ ใหญ่เล็กคละกันไป
Day 3
อรุณสวัสดิ์เช้าวันใหม่แสนสดใส ที่มีแพลนการไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ความขี้เกียจก็มากระซิบข้างหูว่าอย่าไปเลย นอนสบายกว่า ผมก็เป็นคนเชื่อคนง่ายครับ นอนต่อถึง8โมงถึงจะลุกมาอาบน้ำ เชคเอาท์นำรถที่เช่ามาไปคืน แล้วก็โทรเรียกคุณป้าหงา ป้าร้านข้าวใจดี ที่ชวนไป one day trip เพื่อให้คุณป้ารับไปส่งที่ออฟฟิตเพื่อเตรียมตัวไปดำน้ำ ผมเลือกของที่ แสงทองทัวร์ เพราะป้าเค้าลดราคาให้ จาก 750 เหลือ 600 บาท ดำน้ำ 4 จุด และสุดท้ายก็ไปเกาะนางยวล
ราคานี้รวม อาหารกลางวัน ของทานเล่น และอุปกรณ์สำหรับดำน้ำเรียบร้อยถือว่าคุ้มค่ากว่าการไปเกาะนางยวลเพียงอย่าง เดียว เพราะถ้าไปเกาะนางยวลที่เดียวทั้งวันต้องเสียค่า taxi boat 400 บาท (อาจจะหาได้ถูกกว่านี้ ลองหาดู) และพี่ปุ๊กเจ้าของทัวร์ยังใจดีหาตั๋วเรือนอนสำหรับคืนนี้ด้วย มิตรภาพคนไทยไปไหนก็สบายจริงๆ จึงตอบแทนน้ำใจด้วยการกินมือเช้าราคาแพง ผิดแผนของผม แต่ก็เป็นรางวัลตัวเอง 140 สบายตัว เติมพลังเรียบร้อยพร้อมตะลุยดำน้ำ ลงเรือเรียบร้อยด้วยผู้โดยสาร 47 คน 1 ในนั้นเป็นผมที่สัญชาติไทยเพียงคนเดียว โชคดียังมีพี่ไกด์ที่เป็นคนไทย เรือเป็นเรือ2ชั้น ข้างบนอากาศค่อนข้างเย็นสบาย ผมจึงเลือกด้านบน
แต่สวรรค์ก็เห็นใจคนเหงา ส่งพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย พี่ไกด์มานำเสนอกล้องถ่ายใต้น้ำ แต่ผมก็ปฎิเสธเพราะดำน้ำยังยาก ก็เลยงอแงใส่พี่เค้าว่ากลัวโน่นกลัวนี่ จะเซลฟี่ก็คงพัง ดำน้ำก็ไม่เก่ง น้ำตาเทียมหยอดตา ร้องไห้เรียกร้องความสงสาร พี่เค้าจึงยื่นข้อเสนอเป็นตากล้องให้ด้วย และลดราคาแบบพิเศษ จาก 600 เหลือ 300 แถมตากล้อง แถมตากล้อง แถมตากล้องง !!! ตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิดเหมือนผ่านไขสันหลังไม่ผ่านสมอง ตกลงพี่ !!!
จุดสุดท้าย Unseen in thailand เกาะนางยวล ทะเลแหวกที่หลายคนรู้จักในชื่อนี้ หาดทรายขาวเชื่อมเกาะทั้งสามเข้าด้วยกัน บวกเข้ากับท้องฟ้าสีคราม ความสวยงามและอุดมสมบูรณ์มาก น้ำทะเลใสมาก ทรายจะมีเศษหอยปน เพราะน้ำทะเลท่วมถึงหาด
หลักจากทำภารกิจเรียบร้อย มีเวลาเหลือถึง 5 ทุ่ม ตามเวลาออกของเรือนอน อากาศเย็นขึ้นพลังของหนุ่ม night life ก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จึงขอฝากกระเป๋ากับพี่ปุ๊กเพราะออฟฟิตพี่เค้าปิด4ทุ่ม มาหาอะไรนิดหน่อยทาน และหาบาร์นั่งดื่ม ก็ไปเจอบาร์นึงเป็นสไตล์ loft มี hostel ด้านบน ชื่อร้าน koh tao loft hostel ดูไม่เงียบเหงาจึงแวะเข้าไปดื่มเบียร์
พี่ๆเจ้าของบาร์เป็นคนไทย ก็ชวนคุยตามสไตล์ คุยกันถูกคอ ขวดแรกผ่านไป สอง สาม ~ ม ยาววว พี่เค้าก็เล่าเรื่องราวว่ามาเกาะเต่าได้ยังไง ผมค่อนข้างประทับใจในการทำอาหารของพี่เค้า พี่เค้าก็ชงค๊อกเทลให้ลองให้ชิม แต่ก็ไม่กล้าดื่มมากเพราะเดี๋ยวจะเละเทะบนเรือดึกขึ้นหน่อยก็มีพี่พม่าอีกคน พูดภาษาอังกฤษเก่งมากๆ จนผมขอคารวะ เป็นจุดประกายความอยากพัฒนาภาษามากๆ
คุยกันถูกคอ ประมาณ3ทุ่มกว่าๆ ผมจึงไปเอากระเป๋าคืนจากพี่ปุ๊กแสงทองทัวร์ กล่าวคำอำลาแสนน่ารักกับรอยยิ้มตามสไตล์คนไทย พี่ปุ๊กน่ารักมากและชวนมาใหม่และสัญญาว่าจะพาเพื่อนไปอีก ใครไปก็เอารีวิวกับหน้าจขกทไป เผื่อพี่ปุ๊กจำได้เค้าจะได้ลดให้พิเศษ
อยู่กับทุกเวลาให้มีความสุขเพราะถึงเวลาเราก็ต้องจากมา ไม่ช้าก็เร็ว เรือออกจากเกาะเต่าจากท่าเรือ คืนนั้นผมไม่ได้ออกไปดูดาว เนื่องจากความเหนื่อยล้าและเมามาก 55555 พอมาเจอเบาะนุ่มนิ่มแสนสบายบนเรือนอน ก็ดูดพลังหลับสนิทอีกคืน
มาถึงสถานีรถไฟชุมพร ซื้อตั๋วรถไฟฟรีเรียบร้อย เพื่อรอเวลา รถไฟออก 7.20 น. จึงเดินไปหาอาหารเช้าทานในสถานีรถไฟ เป็น scramble egg ขนมปังและโอวัลติน1แก้ว ราคา70 บาท แต่โต๊ะเต็มจึงได้เพื่อนคนไทยใหม่อีกคน พี่นีสมาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน เพิ่งกลับมาจากเกาะเต่าเช่นกัน แต่พี่เค้าไปเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศอ่านหนังสือสอบ อินดี้มาก จึงได้เพื่อนใหม่ร่วมทางแก้เหงาบนรถไฟ
ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ สำหรับทริปนี้
ค่าที่พัก 4 วัน 3 คืน ( 2 คืนบนเรือนอน 1 คืนที่โฮสเทล )
ถ้าตามแพลนของรีวิวนี้จะเสียค่าโฮสเทล Jizzo เพียงคืนเดียวสนนราคา 300 บาท อีก 2 คืนนอนบนเรือนอนนะครับ ประหยัดสุด ๆ
สรุปค่าใช่จ่ายทั้งหมด
ค่ามอเตอร์ไซต์รับจ้างจากสถานีรถไฟ > ท่าเรือท่ายาง 100 บาท
ค่าเรือนอน ไป – กลับ 800 บาท
ค่าที่พัก Hostel 1 คืน 300 บาท
ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์รอบเกาะ 200 บาท
ค่าน้ำมัน 50 บาท
Onedaytrip รอบเกาะ (ลดจาก 750) 600 บาท
เช่า Gopro (ลดจาก 700) 300 บาท
ค่าเข้าเกาะนางยวล(คนไทย30 ต่างชาติ100) 30 บาท
รถสองแถวจากท่าเรือท่ายาง > สถานีรถไฟ 50 บาท
*************** ในส่วนค่าใช้จ่ายจำเป็น รวม 2430 บาท
****************************************************************
อื่น ๆ อันนี้แล้วแต่การจัดการของแต่ละคน
อาหาร 6 มื้อ (ฟรีกลางวันจาก Onedaytrip1มื้อ) 520 บาท
เครื่องดื่มแอลกฮอล์ 270 บาท
ติดตามทริปต่อๆไปได้ใน IG : Nutsuksawakhon นะครับ กราบ 3 ที
14 Trick !! สำหรับการเที่ยว
1.เช็ครอบรถไฟ โทร 1690 เพราะบนเว็บไซต์ไม่มีบางรอบ ส่วนตั๋วฟรีของรถไฟฟรีมี 2 แบบ แบบมีที่นั่งและไม่มีเลขที่นั่ง ต้องใช้สกิลส่วนตัวในการเสาะหาแบบมีเลขที่นั่ง แต่มีแค่บางขบวนแต่สำหรับรถขบวนที่ 171 มีตั๋วมีที่นั่ง
2.รถไฟลงใต้จะวิ่งลงทางทิศใต้ ทางขวาเป็นทิศตะวันตก ท้างซ้ายจะเป็นทิศตะวันออก (เช้าซ้ายร้อน บ่ายขวาร้อน) ถ้าจะหลบแดดรถไฟขบวนนี้ต้องนั่งทางซ้ายมือของขบวนนั่นเอง ขากลับก็สลับทางกัน
3.ควรเตรียมปลั๊กพ่วง เพราะ hostel ส่วนใหญ่จะมีปลั๊กให้รูเดียว
4.เรือนอนราคา 400 บาท ควรตรวจสอบรอบด้วยการโทรไปที่บริษัทโดยตรง มีให้เลือกหลายประเภท ราคาก็แตกต่างกันไป
5.การเช่ามอเตอร์ไซต์ค่าเช่าวันละ 200 บาท แต่จะต่างกันที่ค่ามัดจำ ตั้งแต่ ฟรี – 5000 บาท ใช้สกิลการต่อรองกันเองพยายามหาร้านที่เป็นคนไทยจะง่ายในการต่อรอง และ ควรถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อป้องกันการขูดรีดภายหลัง
6.ควรหาร้านอาหารที่คนท้องที่กิน จะถูกและเยอะกว่าร้านปกติ
7.Kohtao Complete guide เป็นลายแทงสุดเทพ ควรหาไว้ครอบครองเมื่อถึงเกาะเต่า หาตามโรงแรมหรือร้านค้าต่างๆได้ฟรี
8.วางแผนการท่องเที่ยวตามการขึ้นและลงของพระอาทิตย์โดยเริ่มต้นจากด้านขวา ของเกาะตามแผนที่ซึ่งเป็นทิศตะวันออก และช่วงเย็นจะได้มีเวลาในการชมพระอาทิตย์ตก
9.ถ้าในกรณีมาคนเดียวควรเลือกนั่งบาร์จะเหมาะกว่าเพราะได้เจอคนเยอะ
10.มีทางเลือก2ทาง คือ ใช้ Onedaytrip ราคา 750 ขอต่อราคาตามความสามารถและการเหมา Taxi boat ไปเกาะนางยวลโดยตรง ควรให้ทางร้านติดต่อจองเรือนานให้จะได้ไม่ต้องนอนเตียงเสริม
11.เรือจะไม่แจกเสื้อชูชีพ แต่ถ้าว่ายไม่แข็งให้ขอจากไกด์ได้เลย
12.สำหรับคนไม่กล้องสามารถเช่ากล้องได้จากพี่ๆทัวร์ ส่วนราคาและคนถ่ายใช้ความสามารถในการต่อรองนะครับประมาณ 300-700
13.เกาะนางยวลเสียค่าเข้าเกาะ 30 บาทสำหรับไทย 100 ชาวต่างชาติ และห้ามเอาพลาสติกขึ้นเกาะ
14.หลังจากลงเรือนอนจะมีรถสองแถวจากท่าเรือส่งถึงท่ารถและท่าเรือต่างๆ ในชุมพร ราคา 50 บาท