ที่มา: dodeden

ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม รายงานว่า วันนี้ ( 2 กรกฎาคม 2560 ) นายแพทย์เกียรติภูมิ  วงศ์รจิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงเดือนเมษายน – กรกฎาคม ของทุกปีเป็นฤดูกาลของกระท้อนเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมจากคนไทย

ซึ่งเนื้อกระท้อนจะมีรสเปรี้ยวอมฝาดทำให้คนส่วนใหญ่นิยมรับประทานเมล็ดกระท้อนซึ่งมีรสหวานกว่า เนื่องจากเม็ดกระท้อนมีขนาดค่อนข้างใหญ่และลื่น หากไม่ระวังอาจไหลลงไปติดคอจนทำให้หายใจไม่ออก

หากเม็ดกระท้อนหลุดเข้าไปในระบบย่อยอาหาร อาจไปทิ่มตำลำไส้ใหญ่ซึ่งมีผนังบางกว่า ทำให้ลำไส้ทะลุ หรือฉีกขาด และทำให้อุจจาระซึ่งเป็นของเสียรั่วไหลไปอยู่ในช่องท้อง จนเกิดการติดเชื้อรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต เพราะเม็ดกระท้อนมีปลายแหลมและแข็งมาก ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ จะออกจากร่างกายได้ด้วยการถ่ายอุจจาระเท่านั้น

นายแพทย์เกียรติภูมิ  กล่าวต่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยพบผู้ป่วยสภาวะลำไส้อุดตันหรือทะลุจากเม็ดกระท้อนเฉลี่ยประมาณ 60-80 รายต่อปี ส่วนใหญ่มักพบในผู้สูงวัยเนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มนี้ชอบกลืนเม็ดกระท้อนมากกว่ากลุ่มอื่น

และผนังลำไส้ของผู้สูงอายุจะบีบตัวช้ากว่าวัยรุ่น ทำให้เม็ดกระท้อนอยู่ในท้องนานขึ้น โดยมักจะอุดตันและทะลุที่ลำไส้เล็กส่วนปลายซึ่งแคบ หรือลำไส้ใหญ่ซึ่งมีความโค้งทำให้เม็ดกระท้อนซึ่งแหลมคมทิ่มลำไส้จนทะลุ บางคนอาจกลืนเม็ดกระท้อนเข้าไปแล้วไม่เป็นอันตราย เพราะปลายด้านแหลมของเม็ดฝังอยู่กับกากอาหารชนิดอื่นๆ ที่กินเข้าไป จึงถูกขับออกมาพร้อมกับอุจจาระ

จึงขอเตือนประชาชนเมื่อทานกระท้อนควรคายเม็ดออก อย่ากลืนเม็ดกระท้อนหรือเม็ดผลไม้ขนาดใหญ่อื่นๆ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ หากเผลอกลืนเข้าไปแล้วถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้อง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าว

ภาพจาก TPBS

เรื่องน่าสนใจ