ที่มา: dodeden

นายแพทย์ประภาส จิตตาศิรินุวัตร รองอธิบดี กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ( กรมสบส. ) กระทรวงสาธารณสุข  ให้สัมภาษณ์ว่า ในปีงบประมาณ 2560 นี้ กรมสบส.มีนโยบายเร่งเผยแพร่ความรู้สุขภาพแก่ประชาชนนำไปใช้ปฏิบัติดูแลตัวเองและครอบครัวให้มีสุขภาพดี

ซึ่งปัญหาการเจ็บป่วยของคนไทยขณะนี้ส่วนหนึ่งเกิดมาจากความเชื่อที่ถ่ายทอดกันต่อๆกันมา  ซึ่งการปฏิบัติตามความเชื่อจะทำให้บุคคลมีความมั่นใจและรู้สึกปลอดภัย  ถ้าต้องฝืนปฏิบัติในสิ่งที่ขัดกับความเชื่อ  จะรู้สึกไม่ปลอดภัย เกรงว่าจะเป็นอันตราย  จึงไม่ส่งผลดีต่อการรักษาของแพทย์

นายแพทย์ประภาส กล่าวว่า กรมสบส.ได้ดำเนินการสำรวจ ความเชื่อด้านสุขภาพของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯปริมณฑลและ 4 ภาค จำนวน 501 คนในเดือนตุลาคม พ.ศ.2559   เกี่ยวกับการดูแลรักษาบาดแผลทั่วๆ ไป

ผลปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ60 มี ความเชื่อผิดๆ ว่า การรับประทานไข่ ทำให้แผลปูดและเป็นแผลเป็น  ผู้หญิงเชื่อร้อยละ 61 ส่วนผู้ชายเชื่อร้อยละ 58 กลุ่มอายุที่มีความเชื่อเรื่องนี้มากที่สุดได้แก่กลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไปร้อยละ 68 โดยผู้มีระดับการศึกษาต่ำจะมีความเชื่อเรื่องนี้สูง กล่าวคือระดับการศึกษาประถมศึกษาเชื่อมากที่สุดร้อยละ 63  รองลงมาคือมัธยมศึกษา ร้อยละ 60

Severe burns in the women

ขณะที่ผู้จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีเชื่อร้อยละ 46 ภาคที่มีความเชื่อสูงสุดได้ภาคเหนือร้อยละ 74 รองลงมาคือภาคกลางร้อยละ 69  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 62 กรุงเทพฯ/ปริมณฑล ร้อยละ 55  ส่วนภาคใต้มีความเชื่อต่ำสุดคือร้อยละ 39

นายแพทย์ประภาส กล่าวต่อว่า หัวใจสำคัญของการดูแลบาดแผลทุกชนิดไม่ว่าแผลถลอก แผลเล็ก แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกและแผลผ่าตัด มี 2 ประการคือ 1.การรักษาความสะอาดแผล ป้องกันการติดเชื้อโรค

และ 2.การบำรุงร่างกายด้วยอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น โดยสารอาหารที่ช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้นได้แก่1.โปรตีน ซึ่งมีอยู่ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ นม  ไข่ รวมถึงถั่วเหลือง ถั่วเมล็ดแห้ง เป็นต้น โปรตีนจะช่วยสร้างเนื้อเยื่อทำให้เซลล์แต่ละเซลล์ ประสานยึดติดเป็นเนื้อเดียวกัน

2. วิตามินซี ซึ่งมีมากในผลไม้สดทุกชนิดพบมากในฝรั่ง มะละกอ ส้มต่างๆ และยังพบในผักเช่น บร็อคโคลี่ พริกหวานสีแดง   วิตามินซีจะทำหน้าที่สร้างผนังของเซลล์ ทำให้เส้นเลือดฝอยมีความแข็งแรงและไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ

และยังช่วยในการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น ทำให้บาดแผลหายเร็วขึ้นและ3.ธาตุสังกะสี ซึ่งพบมากในเนื้อสัตว์ นม ไข่ ตับ ถั่วเหลือง ช่วยให้เซลล์จับกับวิตามินกระตุ้นให้แผลหายเร็วขึ้น ดังนั้นไข่จึงไม่ใช่อาหารแสลงหรืออาหารต้องห้ามอย่างที่เข้าใจกันแต่อย่างใด

ส่วนแผลเป็นที่ปูดโต ไม่ได้เกี่ยวกับการกินไข่แต่อย่างไร แต่เป็นธรรมชาติของเนื้อหนังของแต่ละบุคคลซึ่งมีความแตกต่างกัน  โดยกรม สบส.ได้ให้ อสม.ให้ความรู้ประชาชนตามหมู่บ้านต่างๆ ผ่านทางหอกระจายข่าวต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในการดูแลบาดแผลทั่วไป ขอแนะนำให้ประชาชนทำความสะอาดแผลทุกวัน  หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลสกปรกหรือเปียกน้ำเพราะอาจทําให้แผลเกิดการอักเสบได้ และควรสังเกตลักษณะบาดแผล หากแผลบวม แดง ร้อน สีของบาดแผลเปลี่ยนไป มีหนอง ควรรีบไปพบ อสม.หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อดูแลรักษาต่อไป    

thumbnail_27-11-59-page-001         

เรื่องน่าสนใจ