นายแพทย์วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรมสบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากการวิเคราะห์ปัญหาสุขภาพของประชาชนที่เดินทางไปถวายราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และใช้บริการที่หน่วยแพทย์ต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณท้องสนามหลวงและใกล้เคียง 38 แห่ง
พบว่าประชาชนเกิดอาการท้องเสียทุกวัน อย่างเช่นวันที่ 26 ตุลาคม 2559 พบ 45 ราย วันที่ 25 ตุลาคม พบ 34 ราย ส่วนใหญ่พบในช่วงเช้าจนถึงเที่ยงคืน จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องความสะอาดของมือ อาหารและน้ำดื่ม
ภาพจากกระทรวงสาธารณสุข , tnews
สำหรับสาเหตุโรคท้องเสีย เกิดมาจากการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่สะอาด ไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนการเตรียมหรือปรุงอาหารหรือก่อนรับประทานอาหาร และภาชนะใส่อาหารและน้ำสกปรกหรือมีเชื้อโรคปะปน
อาการสำคัญของโรคนี้คือ ถ่ายอุจจาระเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน หรือถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายเป็นมูกปนเลือด อาจมีอาเจียนร่วมด้วย โดยอาการอาจมีเพียงเล็กน้อยจนกระทั่งรุนแรง
โรคนี้จะมีผลให้ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่จำนวนมากและรวดเร็ว ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและอ่อนเพลีย จนทำให้ช็อกหมดสติ ถึงแก่ชีวิตได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
นายแพทย์วิศิษฏ์ กล่าวต่อว่า เรื่องที่ต้องระมัดระวังคือเมื่อเกิดท้องเสียแล้วไม่ควรซื้อยาหยุดถ่ายมากิน เนื่องจากยาหยุดถ่ายจะทำให้ลำไส้หยุดบีบตัว และเก็บกักเชื้อโรคที่เป็นต้นเหตุไว้ในลำไส้นานขึ้น ส่งผลให้ร่างกายกำจัดเชื้อโรคได้ช้าลง และเป็นผลเสีย ทำให้ท้องอืด ปวดแน่นท้องมากขึ้น
และอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ การดูแลที่ถูกต้องคือให้รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊กหรือน้าข้าว เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร และดื่มสารละลายเกลือแร่ (Oral rehydration salts, ORS) เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำและเกลือแร่ที่เสียไปจากการท้องเสีย
ซึ่งวิธีการรับประทานเกลือแร่ที่ถูกต้องคือ จิบในปริมาณน้อยๆ ไปเรื่อยๆ แต่จิบบ่อยๆ และดื่มให้หมดภายใน 24 ชั่วโมง หากอาการยังไม่ดีขึ้น และรู้สึกอ่อนเพลียมาก หน้ามืดหรือวิงเวียนเวลาเปลี่ยนท่าทางจากนั่งเป็นยืน ตาลึกบุ๋ม ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะลดลง ปากแห้ง กระหายน้ำบ่อยและมาก ควรไปพบแพทย์
สำหรับการป้องกันโรคท้องเสีย ขอให้ประชาชนหมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือล้างด้วยเจลแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำและก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง
เพื่อกำจัดเชื้อโรคออกไปจากมือ รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ไม่มีส่วนประกอบของกะทิซึ่งบูดเสียได้ง่าย ดื่มน้ำสะอาดบรรจุขวด และก่อนการบริโภคทุกครั้ง ขอให้สังเกตวันหมดอายุ และสภาพของอาหารว่ามีกลิ่นและสีเป็นปกติหรือไม่