จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. จับกุมนายไซซะนะ แก้วพิมพา ชาวลาว ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ ก่อนขยายผลจนจับกุมนายณัฐพล หรือบอย นาคคำ ให้การซัดทอดว่ารถสปอร์ตหรูลัมโบร์กีนี หนึ่งในทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดนั้น นำไปไว้ที่นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” สามีของ แพท ณปภา ตันตระกูล ก่อนที่ภายหลังนายอัครกิตติ์ จะถูกแจ้งข้อหาฟอกเงินและสมคบการฟอกเงิน ต่อมาน.ส.ณปภา และมารดานายอัครกิตต์ เดินทางเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนบช.ปส. เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากตำรวจพบเงินในบัญชีสูงผิดปกติ
ล่าสุดเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 31 มีนาคม รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา แพท ณปภา พร้อมทนายความ คู่เซ็นสัญญา และผู้ว่าจ้างงานของแพท ณปภา นำเอกสารเดินทางเข้าพบพล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. เพื่อให้ข้อมูลหลายประเด็นที่ยังสงสัย อาทิ การทำธุรกรรมทางการเงิน ยอดเงินที่แพท ณปภา ถูกว่าจ้างเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ว่าสอดคล้องกับยอดเงินที่ แพท ณปภา มีอยู่หรือไม่ รวมถึงรายละเอียดการรับเงินในส่วนอื่นๆ เพื่อนำไปประกอบสำนวนและคลายข้อสงสัยทั้งหมด โดยการเดินมาของ แพท ณปภาในครั้งนี้ ไม่ได้แจ้งให้สื่อมวลชนทราบล่วงหน้าแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 19.30 น. พล.ต.ต.ชาตรี เปิดเผยว่า วันนี้ แพท ณปภา พร้อมทนายความส่วนตัว คู่เซ็นสัญญาว่าจ้างงาน และผู้ว่าจ้างงาน เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนบช.ปส. พร้อมนำเอกสารหลักฐานรายการเดินบัญชีธนาคารเพิ่มเติมมามอบให้พนักงานสอบสวน โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เรียกมาให้ข้อมูลในส่วนของการว่าจ้างงานด้วยเงินประมาณ1ล้านบาทที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ ทางผู้ว่าจ้างงานได้แสดงความบริสุทธิ์ใจเดินทางเข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่พร้อมกับคู่สัญญาอีก 2 ราย ส่วยรายละเอียดการสอบปากคำยังไม่สามารถเปิดเผยได้