แพ้ยาชาสำหรับทาหน้า เป็นยาชาแบบทา ที่มีความเข้มข้นของตัวยาชาที่สูงกว่าแบบฉีดมาก ส่วนมากมักนำมาใช้ในการ คลินิกเสริมความงาม, ร้านสักคิ้ว หรือสักร่างกายต่างๆ ตัวยาจะถูกดูดซึมผ่านผิวหนังและไปยับยั้งการทำงานของระบบประสาทรับความรู้สึกใต้ผิวหนัง จึงเกิดอาการชาบริเวณนั้น ตัวยาจะหมดฤทธิ์ไปเองอาจใช้เวลาเป็นชั่วโมง
ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้มาก-น้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณของยา หากทาน้อยเกินไปหรือการดูดซึมผ่านผิวหนังไม่ดีพอ ก็จะทำให้ผู้ป่วยหลายคนมักรู้สึกว่า การใช้ยาไม่ได้ผลหรือได้ผลไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
ยาชาแบบทา ที่ได้มาตรฐานมักไม่มีโอกาสทำให้ผู้ใช้เกิดอาการแพ้ หรือมีผู้เกิดอาการแพ้ยาชาน้อยมาก อาการแพ้จะไม่ค่อยรุนแรง ยกเว้นในบางรายที่ร่างกายต่อต้านอย่างหนักจริงๆ หรือได้รับยาชาที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้
อาการแพ้ยาชาแบบทา
การรักษา
อาการแพ้ยาชามักเกิดขึ้นทันที หรือหลังจากทาไปแล้วไม่เกิน 10-15 นาที โดยผู้แพ้ยาจะมีอาการแสบร้อน และมีรอยแดงคล้ำจนเห็นได้ชัดเจนในบริเวณที่เกิดการแพ้ แพทย์จะรีบทำการรักษาให้ โดยจะรีบเช็ดยาชาออกและให้ทายารักษาในทันที
ควรหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางค์ที่มีสารของสเตียรอยด์ และครีมที่มีสารสกัดรุนแรงต่อผิวที่บอบบาง ซึ่งหากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะหายภายใน 3-4 วัน ส่วนในรายที่เป็นหนัก ประมาณ 15-30 ผิวก็จะกลับคืนมาตามสภาพปกติ
โดดเด่นแนะนำว่า ทางที่ดีหากเกิดอาการแพ้ ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ หรือแพทย์ที่ดูแลโดยเร็ว เพื่อรับการรักษาในทันที ก่อนที่จะลุกลามมากกว่าเดิม โดยเฉพาะสำหรับคนที่รู้ว่าตัวเองแพ้ยาชาอยู่แล้ว จำเป็นต้องแจ้งก่อนทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย เพราะมันจะเพราะมันจะเกิดขึ้นเร็วมาก และการรักษาต้องใช้เวลานานพอสมควร
ข้อมูลจาก : jeban, โรงพยาบาลเสรีรักษ์, healthcarethai, nungnu baicha, ราชเทวีคลินิก,
เนื้อหาโดย : โดดเด่นดอทคอม
สนใจหาข้อมูลและปรึกษาศัลยกรรมได้ที่นี่