แมคโดนัลด์ ประกาศปิดสาขา 300 แห่ง ในญี่ปุ่น อเมริกา และจีน และเตรียมปิดสาขาเพิ่มอีก 700 แห่งในปีนี้ เนื่องจากมีผลกำไรตกต่ำติดต่อกันยาวนาน
วันที่ 27 เมษายน 2558 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังอย่าง “แมคโดนัลด์” ได้ปิดสาขาที่มีผลประกอบการแย่ 350 สาขา ในญี่ปุ่น สหรัฐฯ และจีน ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเตรียมปิดสาขาเพิ่มอีก 700 แห่ง จากทั้งหมด 32,500 สาขา เนื่องจากที่ผ่านมาแมคโดนัลด์มีรายได้ตกลง 11 เปอร์เซ็นต์ และมีกำไรลดลง 30 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสแรก โดยสถานการณ์ดังกล่าวยืดเยื้อมากว่า 2 ปี เพราะแมคโดนัลด์ต้องต่อสู้กับคู่แข่งขันใหม่ ๆ รวมทั้งปัจจัยเศรษฐกิจยุโรปตึงเครียด และกระแสความวิตกความปลอดภัยในการบริโภคอาหารในเอเชีย โดยแม็คโดนัลด์ได้แสดงให้เห็นว่าต้องการปิดสาขาที่มีผลประกอบแย่ไม่ให้ยืดเยื้อต่อไปอีก
ทั้งนี้ผู้บริหารแมคโดนัลด์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า การปิดสาขาในจีน เพราะมียอดขายตกลง 4.8 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นผลประกอบการที่ต่ำกว่าเกณฑ์ในรอบหลายปี ส่วนการปิดสาขาในญี่ปุ่น เพราะแมคโดนัลด์ต้องเผชิญกับวิกฤตความวิตกด้านความปลอดภัยของอาหาร และขณะที่สหรัฐฯ มียอดขายของบริษัทได้ตกลง 2.3 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าตกลงมากที่สุดในช่วงหลายปี โดยถูกคู่แข่งอย่าง Chipotle เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด
