มาร์ลีส์ ฮาร์ตแมนน์ แม่ม่ายสาวลูกครึ่งเยอรมัน-อิตาเลียน วัย 32 ปี จากรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ เคยมีน้ำหนักตัวเทียบเท่ากับนักมวยรุ่นเฮฟวี่เวจเลยทีเดียว แต่หลังจากนั้นก็ลดลงมาได้จนเหลืออยู่เพียงประมาณ 65 กิโล ด้วยการปรับพฤติกรรมการกินเสียใหม่ เช่น ลดละอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด หรืออาหารประเภทไขมันสูง แล้วหันมาทานของเพื่อสุขภาพแทน
แท้จริงแล้ว มาร์ลีส์เริ่มคิดเรื่องไดเอ็ตครั้งแรกตั้งแต่ตอน 8 ขวบ โดยเธอไปพบแพทย์ แล้วแพทย์ก็เขียนลิสต์รายการอาหารที่เหมาะแก่คนเป็นโรคเบาหวานมา แม้ว่าความจริงมาร์ลีส์จะไม่ได้ป่วยเป็นโรคนี้ก็ตาม
นอกจากนี้ เธอยังเผยอีกด้วยว่า พ่อเธอจะชอบทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินอยู่เป็นประจำ เช่น ไส้กรอกอิตาเลียน พาสต้า ลูกชิ้น หรือสตูว์ชิ้นใหญ่ๆ เลยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มาร์ลีส์มีนิสัยกินจุกจิก บวกกับเคยมีความเชื่อผิดๆว่า ถ้ากินอาหารหรือขนมประเภทโลว์แฟตแล้วจะไม่อ้วน
มาร์ลีส์ยิ่งกินเป็นพายุกว่าเดิมเมื่อปี 2535 ซึ่งขณะนั้นเธอมีอายุได้ 10 ขวบ และพี่สาวเธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์พลิกคว่ำ ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ และอับจนหนทาง ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกอย่างไร มาร์ลีส์จึงหันไปพึ่งอาหารเพื่อคลายเครียด จนกระทั่งเมื่ออายุได้ 13 ปี น้ำหนักเธอก็เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ
“ถ้าลองดูรูปฉันตอนสมัยขึ้นชั้นป.6 ใหม่ๆ กับตอนสิ้นปีแล้วละก็ มันต่างกันเหมือนขาวกับดำเลยล่ะ จากผู้หญิงตัวอวบๆ กลายมาเป็นยัยช้างน้ำ” มาร์ลีส์กล่าว
หลังจากนั้น แพทย์จึงต้องช่วยเธอด้วยการให้กินยาลดน้ำหนักชื่อ “เฟน-เพน” ซึ่งก็สามารถลดความอยากอาหารของมาร์ลีส์ลงได้ และทำให้น้ำหนักเธอหายไปประมาณ 14 กิโล จากเดิมที่เพิ่มขึ้นมา 20 กว่ากิโล
กระบวนการไดเอ็ตดูเหมือนจะไปได้สวย แต่แล้วเมื่ออายุได้ 19 ปี สมัยที่เป็นนักศึกษาด้านประวัติศาสตร์ศิลปะและการแสดงละครที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก มาร์ลีส์ก็กลับมามีนิสัยเอ็นจอยอีตติ้งอีกครั้ง เนื่องจากขณะนั้นมีเหตุการณ์ผู้ก่อการร้าย 11 คนบุกเมือง ทำให้เมอร์ลีส์รู้สึกเหมือนว่าโลกกำลังจะสลายไป และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน จึงต้องรีบกินเอาไว้ก่อน
“ตอนนั้นความรู้สึกมันเหมือนโลกจะแตกในวันรุ่งขึ้น ก็เลยต้องตักตวงความสุขเอาไว้ให้เต็มที่ก่อนตายด้วยการกิน” เมอร์ลีส์เล่า “แล้วในเดือนธ.ค.ปีนั้นนั่นแหละ ที่น้ำหนักฉันพุ่งทะลวงขึ้นมาเป็นประวัติการณ์ถึง 99 กิโล”
หลังจากนั้นในปีถัดมา เมอร์ลีส์ก็ไปอ่านเจอบทความเกี่ยวกับสุขภาพในนิตยสารเล่มหนึ่ง ที่เขียนเกี่ยวกับวิธีการควบคุมน้ำหนักเอาไว้ เธอจึงมีความคิดที่จะกลับมาดูแลสุขภาพอีกครั้ง น้ำหนักก็ลดลงมาเรื่อยๆ บวกกับได้ความช่วยเหลือและคำแนะนำจากเพื่อนร่วมห้องเมื่อสมัยเรียนอยู่อิตาลีถึง 5 เดือนด้วย ซึ่งเพื่อนคนนี้เคยลดน้ำหนักได้สำเร็จมาก่อนแล้ว
มาร์ลีส์ลดอาหารประเภทไขมัน อย่างเช่นพิซซ่า แล้วหันมาทานอาหารเพื่อสุขภาพอย่างจริงจัง เช่นผัก ผลไม้ มากขึ้นแทน นอกจากนี้ยังออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละประมาณ 2-3 ครั้ง จนกระทั่งเมื่อกลับมาที่บ้านที่สหรัฐแล้ว เธอถึงกับใส่เสื้อผ้าตัวเดิมๆไม่ได้เพราะมันหลวมเกินไป
หลังจากนั้นเป็นต้นมา เธอก็ยังคงคอนเซ็ปต์รักสุขภาพ-คุมน้ำหนักตามเดิมมาเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีลูกเมื่อปี 2552 แล้วก็ตาม
จนถึงเดี๋ยวนี้ มาร์ลีส์กลายเป็นสาวหุ่นดีที่ชาวเน็ตต่างพากันให้ความสนใจเป็นพิเศษ เธอเปิดอินสตาแกรมลงรูปอาหารเพื่อสุขภาพที่เธอทำเอง อย่างเช่นเค้กและพิซซ่าสูตรมังสวิรัติ หรือน้ำผลไม้ เป็นต้น อีกด้วย ซึ่งมีผู้ติดตามถึง 12,500 คนเลยทีเดียว
