“ปวีณา หงสกุล” พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิ รุดช่วยเด็กวัย 7 ขวบ กับ 5 ขวบ สองพี่น้อง ถูกแม่แท้ๆ กับพ่อเลี้ยงทุบตีทุกวัน หนำซ้ำอดข้าว-อดน้ำ กักขังอยู่ในห้องไม่ให้ไปโรงเรียน ชาวบ้านสุดทน ห้ามตีลูกไม่ฟังแจ้งเจ้าหน้าที่จัดการ
วันที่ 30 ต.ค. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อม พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี แก้วเอี่ยม ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว รุดเข้าช่วยเหลือ ด.ช.หนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 7 ขวบ และ ด.ญ.นิด (นามสมมติ) อายุ 5 ขวบ สองพี่น้อง ซึ่งถูกขังอยู่ภายในห้องเช่าแห่งหนึ่ง ในซอยอ้อมใหญ่ เทศบาล 13/3 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม หลังพลเมืองดีแจ้งเข้ามายังเพจ “มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี” ขอให้เข้าช่วยเหลือเด็กทั้งสอง เนื่องจากถูกแม่และพ่อเลี้ยงทุบตีเป็นประจำทุกวัน ส่งเสียงร้องเป็นที่น่าเวทนา บางครั้งที่พ่อเลี้ยงลงมือตี แม่เด็กก็ยังไม่สนใจช่วยลูก ซ้ำร้ายยังไม่ให้กินข้าว ถูกขังอยู่แต่ในห้องไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่น
ภายหลังช่วยเด็กทั้งสองออกมาแล้ว พบว่า ด.ช.หนึ่ง และด.ญ.นิด มีร่องรอยเขียวช้ำจากการถูกทำร้ายทุบตีทั่วตัว อยู่ในอาการหวาดกลัว จึงได้พยายามสอบถามเด็กและชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นทราบว่า แม่เด็กทำงานอยู่โรงงานแห่งใกล้บ้าน จะออกไปทำงานตอนเช้าและกลับมาตอนเย็น เวลาอารมณ์เสีย หรือ ลูกดื้อก็จะลงมือตีอย่างหนัก ส่วนพ่อเลี้ยงก็ตีเป็นประจำแทบจะวันทุกเช้า-เย็น ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงต่างช่วยกันห้ามปรามแต่ก็ไม่ฟังและไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือเด็กได้ เนื่องสองสามีภรรยาจะไม่พอใจและตะโกนด่าทอ
จากนั้น นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานนางเสาวนีย์ โขมพัตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครปฐม รับเด็กเข้ารับดูแลและฟื้นฟูสภาพจิตใจ และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับแม่และพ่อเลี้ยงที่ทุบตีลูก ตามความผิด พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว
นางปวีณา กล่าวว่า มูลนิธิปวีณาฯ ให้ความใส่ใจเรื่องเด็กถูกทำร้ายทารุณและจะติดตามไปให้การช่วยเหลือทันที ปัญหาเช่นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มูลนิธิปวีณาฯ รับเรื่องราวร้องทุกข์ ซึ่งในแต่ละวันมูลนิธิปวีณาฯจะรับเรื่องราวร้องทุกข์ไม่ต่ำกว่า 40-50 เรื่อง ต้องขอขอบคุณพลเมืองดีที่ช่วยกันดูแลสังคม หากพบเบาะแสเด็กถูกทำร้ายช่วยแจ้งมายังมูลนิธิปวีณาฯ ได้ที่ หมายเลข 4 ตัว 1134 หรือ มือถือ 09-8478-8991, 06-2560-1636, 08-1814-0244 [email protected] หรือทางเพจเฟซบุ๊ก “มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี”
