ร้อนแรงเกินกว่าคุณแม่จะรับได้ สำหรับ ภาพยนต์ Waterboyy รักใสใส…วัยรุ่นชอบ ถึงกับออกอาการเครียดเลยทีเดียว ถึงบางฉากในเรื่องนี้ที่คุณแม่ ชัชพร อรุณฤดีรัตน์ คุณแม่ของ เงิน อนุภาษ เหลืองสดใส บอกว่าไม่เป็นไปตามข้อตกลงทีให้ลูกชายจูบปากกับผู้ชายอย่างดูดดื่ม โดยเผยว่าตอนตกลงแค่มีปากชนกันเฉยๆ อาจจะต้องพักงานในวงการของลูกชายชั่วคราว
“ตอนแรกที่เห็นฉากนี้ม่าม๊าตกใจ คือเครียดมากว่าขนาดนี้เลยเหรอ นั่งดูในโรงหนัง หันไปมองหน้ากับป่ะป๊า (พ่อเงิน ธีรชัย เหลืองสดใส) พูดอะไรไม่ออก แต่ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไง เพราะหนังก็ตัดเสร็จแล้วออกฉายแล้ว พอดูเสร็จป่ะป๊าก็ไปปะทะกับผู้กำกับ (ราชิต กุศลคูณสิริ) ว่าทำไมเป็นแบบนี้ ทำไมตอนแรกที่คุยกันจะแค่ปากชนกัน ไม่มีอะไรขนาดนี้ ป๊าก็โกรธมาก เขาก็บอกว่าต้องให้สุดๆ” ผู้กำกับหมายถึงหนังต้องเล่นให้สุดๆ? “ใช่ แล้วเขาก็ยิ้มแหงๆ วันนั้นเราก็เครียดมากแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง”
คุณแม่ ชัชพร อรุณฤดีรัตน์
“ก่อนเล่นเราตกลงกันว่าให้แค่ปากชนปาก เพราะถือว่าเป็นการแสดงเป็นงาน แต่มากกว่านี้ไม่ได้ ตอนเขาส่งบทมาให้ดูม่าม๊ายังย้ำเลยว่าไม่มีฉากจูบดูดดื่มนะเราไม่เล่น ผู้กำกับยังบอกเลยว่าไม่มีครับๆ มีแค่ปากชนแค่นั้นแหละ แล้ววันที่ถ่ายม่าม๊าไม่ได้ไป เพราะด้วยความที่คิดว่าคุยกันแล้วตกลงกันแล้ว ก็เลยมีแค่เงินไป ถ่ายเสร็จเงินก็ไม่ได้มาเล่าอะไรให้ฟังว่าไปถ่ายอะไรยังไงมา ซึ่งจริงๆ เงินจะเป็นคนที่ทำอะไรแบบนี้ไม่ได้”
“ใช่ค่ะ วันที่จะไปดูหนังรอบกาล่า เงินบอกม่าม๊าระวังช็อกนะ เราก็งง! ก่อนหน้านี้ ที่เราพอได้ยินกระแสจากแฟนคลับเงินที่เขาไปดูรอบสปอนเซอร์บ้าง แต่เราไม่ได้คิดว่าจะขนาดนี้”
“ฟีดแบ็กพอหนังออกฉาย วันแรกยังไม่เท่าไหร่ พอผ่านไปวันที่สองที่สาม ม่าม๊าโดนญาติต่อว่าหลังจากที่เขาไปดูกันมา ญาติพี่น้องก็มาลงที่ม่าม๊าว่า ทำไมมีฉากแบบนี้ ไหนก่อนหน้านี้บอกไม่มีขนาดนี้ไง เราก็พูดไม่ออกเพราะก่อนหน้านี้ม่าม๊าเป็นคนบอกกับครอบครัวไว้ว่า บทที่เงินเล่นไม่มีฉากแรงๆ นะ และไม่มีใส่บิกินีหรือใส่อะไรที่น่าเกลียด แต่พอหนังออกมาม่าม๊าก็เลยไม่รู้จะพูดยังไง ครอบครัวม่าม๊าเป็นคนจีน ฉะนั้น อะไรแบบนี้เขารับไม่ได้ มันแรงไปสำหรับพวกเขา ตอนนี้ทุกอย่างมาตกที่ม่าม๊าเพราะเราเป็นคนดูลูกเป็นคนตามลูก พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นญาติก็หาว่าเราดูลูกยังไง ม่าม๊ารับคนเดียวเต็มๆ”
“แล้วยังมีกระแสทางแฟนคลับเงินเข้ามาอีก แฟนคลับบางคนที่เขารักน้องก็ไม่ได้ว่าอะไรเขาเข้าใจ เหมือนกับว่าเขารักน้อง น้องทำอะไรเขาก็เข้าใจ แต่ก็จะมีกระแสแฟนคลับบางส่วนที่ไม่ชอบก็มีคอนเมนต์ว่าเหมือนกัน พอโดนหลายทางม่าม๊าก็ยิ่งเครียด ญาติก็กดดัน ม่าม๊าก็เลยคุยกับลูกว่าเราคงต้องพักสักพักนึงแล้วล่ะ คงจะให้น้องออกจากวงการพักใหญ่ๆ ไปเลย เพื่อให้ญาติสบายใจด้วย เพราะเราก็เหนื่อยด้วยไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ ต่อไปคงไม่ให้รับงานประเภทนี้อีกแล้ว ถามว่าเสียดายโอกาสมั้ยที่ตัดสินใจแบบนี้ ม่าม๊าว่ามันได้ไม่คุ้มเสีย พอมันเป็นแบบนี้ม่าม๊ารับเต็มๆ เจอญาติกดดันจนเรารู้สึกแย่ ม่าม๊าไม่สบายใจ ซึ่งไม่อยากเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว คงไม่ร้ายแรงถึงกับต้องเปลี่ยนนามสกุล แต่จะให้น้องพักงานไปพักนึงเลย พอเกิดเรื่องน้องก็ไม่สบายใจด้วย งั้นก็พักก่อนละกันซึ่งเงินก็เข้าใจเหตุผลที่แม่ให้หยุดรับงาน”
“ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นว่าเงินไม่ได้เป็นแน่นอนค่ะ (หัวเราะ) แค่มันผิดพลาดจากที่คุยกันไว้เฉยๆ วันที่ลูกบอกเราว่าระวังช็อกเขาคงเกรงใจเรา แต่เหมือนเขาตกกระไดพลอยโจรไปแล้วทำอะไรไม่ได้แล้ว ถามว่าดูฉากนั้นแล้วรู้สึกยังไง มันก็อึ้งๆ พอดูเสร็จออกมาจากโรงบอกตรงๆ ว่าเราอึดอัด แต่จะให้พูดอะไรมากมันก็ไม่ได้ พราะวันนั้นแฟนคลับก็อยู่ จะไปบอกว่าหนังไม่ดีก็คงไม่ได้ เพราะนั่นเป็นหนังที่ลูกเราเล่นเองนะ เราจะไปว่าก็คงไม่ใช่ จะบอกว่ารู้สึกแย่กับหนังที่ลูกตัวเองเล่นก็พูดไม่ได้”
“ไม่ใช่ค่ะ ที่ไม่ออกมาพูดก่อนหน้านี้เพราะเอาจริงๆ ม่าม๊าก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะหนังมันออกมาแล้ว ป๊าของเงินถามผู้กำกับเขาก็ไม่มีคำตอบให้ เราเครียดแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง จนมาโดนกดดันจากญาติที่เขารับไม่ได้จนรู้สึกว่าต้องทำอะไรบ้างแล้ว ไม่งั้นคนก็จะคิดว่าน้องตั้งใจทำแบบนั้นทั้งที่ความจริงมันเป็นการไม่ทำตามข้อตกลงที่คุยกัน แต่ส่วนใครจะคิดยังไงม่าม๊าก็ไม่รู้เหมือนกัน เราแค่ออกมาพูดในสิ่งที่เราเจอ”
“เราอยากให้ทีมงานรู้ว่า การที่เขาไม่ทำตามข้อตกลงผลเสียมันเกิดกับครอบครัวม่าม๊ายังไง จริงๆ ม่าม๊าก็ไม่รู้จะหาทางออกยังไง เพราะวันที่ป๊าพูดกับเขา ก็ไม่เห็นจะทำอะไร ก็เลยไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง แต่ที่ออกมาพูดเพราะอยากอธิบายในส่วนของเราเท่านั้นเอง ครั้งนี้เป็นบทเรียนให้ม่าม๊าเลย”.