“สี่แผ่นดิน” อมตนิยายที่ถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นไปของประเทศไทยในช่วง 4 รัชสมัย นับตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 8 เขียนโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ในหลายเวอร์ชั่น
หนึ่งในนั้นคือ “สี่แผ่นดิน” เวอร์ชั่นปี 2534 ผู้จัดละคร และดารา ชื่อดังแห่งยุคผู้รับบท “แม่พลอย” ร่วมบอกเล่าความรู้สึกจากเรื่องราวในละครอิงประวัติศาสตร์ กระทั่งถึงเหตุการณ์จริงวันสิ้นรัชกาลที่ 9 ในการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา ผู้จัดละครเรื่องสี่แผ่นดิน ปีพ.ศ.2534 ฉายทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 กำกับการแสดงโดย สุประวัติ ปัทมสูต โดย แหม่ม จินตหรา สุขพัฒน์ รับบท แม่พลอย อันโด่งดังในยุคนั้น และ ฉัตรชัย เปล่งพานิช รับบท คุณเปรม ให้สัมภาษณ์ว่า
สี่แผ่นดินเป็นละครที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ทำมา เพราะมีถึงสี่แผ่นดินเราต้องศึกษาค้นคว้าจากประวัติศาสตร์ จากบทประพันธ์ของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช พร้อมทั้งศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากความเป็นอยู่ ความเป็นเจ้า ความเป็นคนธรรมดา การเสด็จสวรรคต และการผลัดแผ่นดินในแต่ละรัชกาล คนที่อยู่ตรงนั้นจะมีผลกระทบอย่างไร รับรู้และรู้สึกอย่างไรกับการเปลี่ยนรัชกาล
ในแต่ละรัชสมัยมีความสูญเสียอยู่แล้ว แต่เราเกิดไม่ทัน เราได้แค่อ่านและถ่ายทอดออกมาตามประวัติศาสตร์ ความรู้สึกของตัวละครที่ถ่ายทอด คือ แม่พลอยกับคุณเปรม จนทำให้คนดูละครเรื่อง สี่แผ่นดิน รู้สึกไปกับแม่พลอยซึ่งก็คือ คุณแหม่ม จินตหรา ที่เล่นไว้ได้อย่างซาบซึ้ง
จนทำให้คนไทยทั้งประเทศที่ดูสี่แผ่นดินในยุคคุณจินตหราคล้อยตามและรักแม่พลอยอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น เพราะแม่พลอยเป็นคนรักแผ่นดิน รักถิ่นเกิดของตัวเอง รักสถาบันพระมหากษัตริย์ คุณเปรมสามีก็รักแผ่นดิน
ในขณะที่ประเทศไทยตอนนี้กำลังเข้าสู่ช่วงผลัดรัชสมัย ไก่-วรายุฑกล่าวว่า เราอยู่มาตั้งแต่ต้นรัชกาล เกิดมาก็เห็นพระองค์แล้ว ได้รู้เห็น ไม่ต้องศึกษา ไม่ต้องค้นคว้า เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเราเห็นและรู้จากสิ่งที่พระองค์ท่านทรงกระทำ สั่งสอนและช่วยเหลือชาวบ้าน ให้ความรักกับประชาชนของท่าน ดูแลสารทุกข์สุกดิบทุกคนทั่วแคว้นทุกภูมิภาค
“หลักคำสอนของพระองค์ใช้ได้ทุกคำสอน แต่สิ่งที่ทุกคนรู้คือความพอเพียง เราโชคดีที่เกิดมาตอนเด็กก็ได้เห็นพระองค์ท่านเลย จึงซาบซึ้งกับสิ่งที่พระองค์ท่านสอนอะไรให้กับประเทศชาติและแผ่นดินไทย ทรงเป็นในหลวงองค์เดียวในโลกที่ทำอะไรมากกว่าประชาชนคนธรรมดา สิ่งที่ท่านทำไว้บอกหมดทุกอย่างแล้ว มันสั่งสมเรื่อยมา เด็กที่เกิดในยุคนี้จะรักพระองค์ท่าน”
ในฐานะผู้จัดละคร ไก่ วรายุฑ กล่าวด้วยว่า หากมีใครเขียนบทประพันธ์ในแผ่นดินนี้ เชื่อว่าผู้จัดละครทั้งประเทศอยากสร้างละครจากบทประพันธ์นี้ เพื่อทำถวายและน้อมรำลึกถึงพระองค์ท่าน
ด้าน แหม่ม จินตหรา สุขพัฒน์ ย้อนความทรงจำที่ได้รับบท “แม่พลอย” ในละครสี่แผ่นดินว่า ดีใจมากเพราะเป็นบทประพันธ์ที่ดีมาก พอรู้ว่าจะได้รับแสดงก็มีโอกาสได้อ่านเรื่องราว เป็นยุคสมัยที่สวยงามมากของประเทศไทย ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 8 ที่พระพุทธเจ้าหลวงทรงเป็นที่รักและเทิดทูนของชาวไทย พระองค์ทรงทำหลายสิ่งหลายอย่างให้กับประชาชน
ตอนที่แสดงจะได้เห็นขนบธรรมเนียมประเพณี เพราะอาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์เขียนเอาไว้อย่างละเอียด เปรียบเสมือนหนังสือประวัติศาสตร์ของชาวไทยที่เราสามารถไปย้อนอ่านแล้วจะเห็นเป็นภาพออกมา แม้เราจะไม่ได้เกิดในยุคนั้นๆ แต่แม่พลอยเขาอยู่ในรั้วในวัง ได้เห็นประเพณีต่างๆ
การเสด็จประพาสของพระมหากษัตริย์ เห็นถึงความเป็นไทยแท้ๆ ไม่มีอะไรเข้ามาปรุงแต่ง ยังไม่ได้รับวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามามาก เพิ่งจะเริ่มเข้ามามีสัมพันธไมตรี มีฝรั่งเข้ามาทำการค้าบ้าง อย่างเช่นในยุครัชกาลที่ 5 จะมีการล่าอาณานิคม ถ้าไม่มีพระองค์ท่านเราคงสูญเสียเอกราชไปแล้ว
“เราได้เห็นถึงความสำคัญที่พระมหากษัตริย์ทรงทำไว้ให้กับประชาชนชาวไทย เราเลยรู้สึกอินกับละครเรื่องนี้มาก รักละครเรื่องนี้มาก รักแม่พลอย รักตัวแสดงในเรื่อง พอรู้ว่าได้เล่นบทบาทนี้เราก็ตั้งใจมาก ดีใจที่ได้มีโอกาสถ่ายทอดหลายอย่างในนามของละครเรื่องนี้
รวมถึงได้รับบทแม่พลอยซึ่งเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง สามารถปรับตัวเข้ากับยุคสมัยและสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ เป็นแบบอย่างที่ดีของผู้หญิงไทย”
แหม่ม จินตหรา กล่าวด้วยว่า “คนดูรักแม่พลอย แหม่มก็ได้อานิสงส์จากแม่พลอยไปด้วย มีโอกาสดูแม่พลอยในเวอร์ชั่นที่อุ้ม สิริยากร พุกกะเวส (ปี 2546) สี่แผ่นดินในเวอร์ชั่นของคุณอุ้มมีโอกาสถ่ายทำในสถานที่จริงหลายๆ ที่มากกว่าเวอร์ชั่นเราที่ส่วนใหญ่เป็นฉากจำลองขึ้นมา”
จากคำถามที่ว่าในการสวมบทแม่พลอย บทเศร้าโศกเสียใจที่พระมหากษัตริย์เสด็จสวรรคต และเหตุการณ์ผลัดแผ่นดิน เคยคิดไว้หรือไม่ว่าจะได้สัมผัสเหตุการณ์นี้ในชีวิตจริง
“ตอนที่แสดงเราเองก็เข้าใจ เราพยายามนึกถึงการสูญเสียสิ่งที่เป็นที่รักของเรา จะรู้สึกอย่างไรถ้าเราสูญเสียพ่อแม่พี่น้องที่เป็นที่รักของเรา เราต้องโศกเศร้า แต่พระองค์ท่านเป็นสิ่งสูงสุดที่เราเคารพนับถือ ความผูกพันหลายๆ อย่างจึงไม่แตกต่างไปจากบุคคลอันเป็นที่รักหรือพ่อแม่ของเรา
แต่เราจะให้ความเทิดทูนท่านกว่ามนุษย์ทั่วๆ ไปซึ่งคนไทยจะเข้าใจในจุดนี้ ประจวบกับเราเป็นคนที่เคารพและให้ความสำคัญกับพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว เรารู้ถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้เรา เสียสละให้กับพวกเรา มันเลยอินไปกับความรู้สึกตรงนี้ได้ง่าย”
“ตอนนี้เราอาจจะมีความรู้สึกมากกว่าที่เราเล่นด้วยซ้ำไป เพราะเป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับเรา แต่ตอนนั้นเราก็เข้าใจความรู้สึกของแม่พลอยได้ไม่ยาก แต่วันนี้เราสูญเสียและประสบกับเหตุการณ์แบบนี้จริงๆ เลยยิ่งเข้าใจในความรู้สึกของแม่พลอยมากๆ”
“แหม่มเคยคิดว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่มีพระองค์ท่านเราจะต้องอยู่กันอย่างไร ก็นึกภาพตอนที่ถ่ายละครขึ้นมาเลย คงจะมีเสียงระงมของความโศกเศร้าไปทั่วประเทศ และก็เป็นอย่างนั้นจริง ไม่แตกต่างกันเลย”
แหม่ม จินตหรา ผู้สวมบท “แม่พลอย” ซึ่งผ่านมาสี่แผ่นดิน กล่าวในตอนท้ายถึงการสิ้นแผ่นดินรัชกาล ที่ 9 ว่า
“เราเป็นประชาชน ต้องดำเนินชีวิตต่อไป เราไม่อยากให้พ่อห่วง ให้เราน้อมนำพระราชดำรัสของพระองค์มาใส่เกล้าฯ ไว้ หลายๆ อย่างที่เราปฏิบัติได้ในเรื่องการทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด พระราชดำรัส พระราโชวาทต่างๆ ถื
อเป็นคัมภีร์ชีวิตที่ดี ตั้งปณิธานแล้วว่าจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดในทุกๆ หน้าที่ ดูแลครอบครัว พ่อแม่ ลูกหลาน บริวารให้ดีที่สุด อบรมสั่งสอนให้เขาเป็นคนดี ช่วยเหลือคนถ้าเรามีโอกาสช่วยเหลือได้ และไม่เบียดเบียนใคร”
“เพราะเป็นสิ่งที่หากพระองค์ทอดพระเนตรมา คงสบายพระราชหฤทัย ถ้าพระองค์รู้ว่าประชาชนของท่านทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด”