อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขจริงๆ สำหรับ นักแสดงสาวแหม่ม วิชุดา พินดั้ม ที่ตอนนี้ต้องบอกเลยว่าเธอสวยและเป๊ะมากจริงๆ เพระเจ้าตัวทุ่มเงินหลักล้านไปโมดิฟายหน้าครั้งที่สอง ล่าสุดเธอได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มีชมพู่ ก่อนบ่าย และพีเค ปิยะวัฒน์ เป็นพิธีกร
ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
แหม่ม : จริง ๆ ตอนนี้มันเดือนครึ่ง ถ้าจะให้ดีต้องมาดูกันตอน 3 เดือน มันจะเข้าที่และยุบดีมาก อันนี้เดือนครึ่ง อาจจะดูแบบตึง ๆ บางคนเห็นแล้วอาจจะดูแปลก ๆ นิดนึง
ครั้งที่ 2 ที่บอกไปแก้มาเห็นควักเป็นล้านเลยจริงไหม ?
แหม่ม : ล้านห้าหมื่นค่ะ
แล้วทำอะไรมาบ้าง ?
แหม่ม : หลัก ๆ เลยที่จำได้ เป็นปลูกผม 3,000 เส้น คือผมแหม่มจะมีปัญหาตรงข้างหน้ามันขึ้นไปเยอะ แล้วตรงข้าง ๆ มันเป็นบาง ๆ เวลามัดผมหรือรวบตึงก็จะเห็นชัดมาก ก็เลยต้องปลูก ตอนนี้มันอยู่ในช่วงของผมมันกำลังเจริญเติบโต เดี๋ยวต้องรอให้มันขึ้นก่อนประมาณ 4 เดือน แล้วก็มีฉีดฟิลเลอร์ เพราะหน้าแหม่มจะเบี้ยวนิดนึง แต่เราไม่ต้องใช้วิธีการผ่าตัดขากรรไกรเพราะมันใหญ่ไป คุณหมอเขาก็แก้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ให้ ตอนที่ทำเราสลบหมดเลยทุกอย่างนะ แล้วก็ทำ Mini Face Lift อันนี้ยิ่งใหญ่มาก คือการดึงหน้านั่นเอง ดึงให้ตึงแล้วเย็บเข้าไปเก็บไว้ สาเหตุเพราะตรงแก้มมันห้อย
ทั้งหมดใช้เวลาที่ทำเท่าไหร่ ?
แหม่ม : ทั้งหมด 9 ชั่วโมง เราก็หลับยาว 9 ชั่วโมงเลยค่ะ ที่มันนานเพราะมันปลูกผมแล้วมันค่อนข้างละเอียด
ยังต้องมีการกลับไปดึงหรือเติมเพิ่มอีกไหม ?
แหม่ม : จริง ๆ เราพอใจตรงนี้แล้วนะคะ ก็คงไม่ต้องไปทำอะไรเพิ่ม แต่ว่ารอบนี้หลายคนก็สงสัยว่า แหม่มเพิ่งไปมาเมื่อ 3 เดือนก่อน แล้วตอนนี้ไปทำอะไรอีกอะไรแบบนี้ คืออยากบอกทุกคนว่า ไม่ได้ติด แต่มันไปแก้
แล้วรอบแรกที่ไปทำมา มันเป็นยังไง ?
แหม่ม : คือรอบแรกที่ไปมา ทาง Agency กับทางโรงพยาบาลบอกอย่างแรกคือฉีดไขมันเข้าที่ร่องแก้ม กับขมับ อันนี้เห็นผลดีนะ เพราะเราจะมีร่องแก้มค่อนข้างลึก เลยทำให้ดูแก่ พอฉีดแล้วมันก็ตื้นขึ้นมาดูเด็ก โอเคอันนี้เห็นผล อย่างที่ 2 แก้ปัญหาที่ตุ่ย ๆ ใต้ตา แต่ว่าอันนี้ไม่เห็นผล เพราะว่ายังไม่หาย 100 เปอร์เซ็นต์ อันที่ 3 คือฉีดโบท็อก ผ่านไป 1 เดือนแล้ว ก็ยังหน้าผากยับอยู่ มันต้องประมาณ 7-10 วันเห็นผลแล้ว เรารู้สึกว่ามันไม่เห็นผล แล้วอีกอันนึงที่เป็นปัญหาคือการแก้ปัญหาหน้าห้อย ตอนนั้นเขาใช้วิธีการร้อยไหมแบบไม่ละลาย ซึ่งแบบนี้จะอยู่นานกว่าใช้เวลาประมาณ 2 ปีขึ้นไป แต่พอผ่านไป 3 เดือนมันห้อยกลับมาเท่ากับตอนที่เรายังไม่ได้ร้อย ซึ่งการร้อยไหม 1 เดือนแรกมันต้องตึงอยู่แล้ว แรก ๆ มันก็เห็นผล แต่พอ 3 เดือนทุกอย่างมันกลับมาเป็นปกติ
แล้วทำไมมันถึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะอะไร ?
แหม่ม : เราก็สงสัยเหมือนกัน จริง ๆ รอบนี้ตั้งใจจะไปปลูกผมอย่างเดียว แต่เราสงสัยก็เลยคุยกับ Agency ว่าอยากจะขอเอาไหมที่ร้อยไปออกมาดูได้ไหม ทำไมประสิทธิภาพมันถึง 3 เดือนแล้วห้อย มันเป็นไหมหมดอายุหรือเปล่าอะไรแบบนี้ เขาก็เลยเลาะออก แล้วการเอาใหม่ออก มันต้องเลาะออกที่ข้าง ๆ หูอยู่แล้ว เราก็เลยตัดสินใจดึงหน้าไปด้วยเลย แล้ววันแรกที่หมอมาล้างแผล เราก็ถามคุณหมอว่ามันมีไหม 4 เส้นจริงไหม ก็ได้คำตอบว่าไม่มีไหมเลยสักเส้น นั่นแสดงว่าตอนแรกที่ร้อยเข้าไปอาจจะเป็นไหมละลายหรือเป็นผลมาจากโบท็อกซ์ เราก็เลยสงสัยว่า เขาคิดได้ยังไงว่าเขาจะหลอกเราแบบนี้ เขาไม่คิดหรอว่าวันนึงเราจะรู้ เพราะยังไงวันนึงมันก็ต้องห้อยและเมื่อห้อยเราก็ต้องเอาออกอยู่ดี
แล้วครั้งล่าสุด ที่ทำมาความรู้สึกเป็นยังไง เจ็บมากไหม ?
แหม่ม : มันเจ็บมากนะ เพราะเราเจ็บทั้งแผลข้าง ๆ และเจ็บจากแผลด้านหลังหัว นอนทับหลังไม่ได้ นอนข้าง ๆ ก็ไม่ได้ ก็เลยต้องใส่หมอนคอแล้วก็พิงนอน ตอนแรกเราก็มีความคิดนะ ว่าเราผ่านอะไรมาเยอะ คิดว่า 9 ชั่วโมง มันแป๊บเดียว คงไม่มีอะไร แต่ปรากฎว่ามันไม่ใช่ มันเจ็บมาก คือเราไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเจ็บ แต่กินยาพาราเม็ดเดียว เอาจริง ๆ 2 วันก็หายก็สามารถใช้ชีวิตได้ปกติค่ะ
ถ้ามีเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาอีก จะทำอีกไหม ?
แหม่ม : ไม่เข็ดค่ะ เดี๋ยวอีกไม่กี่ปีก็ถึงเวลาเปลี่ยนนมแล้ว ก็ต้องเปลี่ยน
แบบนี้ เรียกว่า “ติดศัลยกรรม” ได้ไหม ?
แหม่ม : คือพี่มองว่า ถ้าคำว่า “ติด” มันน่าจะไม่จบ แต่อันนี้พี่จบกับการดึงหน้าแล้ว พี่จบกับปาก พี่จบกับการปลูกผมแล้ว ถ้าพี่จะไปแก้อย่างอื่น เช่น นม เราก็รู้อยู่แล้วว่ากี่ปีกี่ปีมันจะต้องเปลี่ยน เราก็ต้องไปเปลี่ยนถูกไหม เราไม่ติดนะ แต่เราต้องไปเปลี่ยนของเอารุ่นใหม่มาใส่
คนรอบข้าง “เห็นหน้าใหม่ของเรา” ว่ายังไงกันบ้าง ?
แหม่ม : คนรอบข้างเขาก็ชื่นชมกันนะค่ะ เขาก็บอกว่าดูเด็กลงอะไรแบบนี้
ทำหน้ามาเด็กขนาดนี้ แล้วมารับบท “แม่” รู้สึกน้อยใจไหม ?
แหม่ม : อันนี้เป็นความใฝ่ฝันของเราเลยค่ะ ว่าเราอยากเล่นเป็นแม่นางเอก เพราะว่าด้วยวัยของเรา ถ้าจะให้เล่นเป็นตัวอื่นมันดูตลก ดูแย่ พี่ว่ามันไม่สมวัยอะ แต่ว่าวัยของเรามันควรจะไปเป็นแม่เป็นอะไรแล้ว แล้วเราก็แฮปปี้กับการที่เราได้เล่นเป็นแม่ของนางเอก เราก็เลยไม่รู้สึกนอยด์หรืออะไรเลยค่ะ
คิดว่าเป็น “ช่วงขาลง” ของเราไหม ?
แหม่ม : จะบอกว่าไม่เคยขึ้นเลยค่ะ เราไม่ได้รู้สึกว่าเราขึ้นหรือลง เราเป็นนักแสดงตั้งแต่เด็ก คือเราอยู่ของเรามาแบบนี้ตั้งแต่อายุ 12 ปี จนปีนี้ 41 ปีแล้ว เราก็รู้สึกว่า เราก็ทำงานเป็นนักแสดงของเราไปเรื่อย ๆ เราทำงานตามวัยของเรามากกว่า ถ้าเรามาคาดหวังว่าฉันยังอยากเล่นเป็นตัวร้ายอยู่ หรือที่เป็นแบบเซ็กซี่สตาร์อยู่อะไรแบบนี้ เราก็ต้องดูวัยของตัวเองด้วยในความรู้สึกเรานะ
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama