บ่อยครั้งที่ข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์มักเป็นปัญหาที่เกิดจากการศัลยกรรม บ้างก็เป็นเรื่องการเสียชีวิตของลูกค้า บ้างก็เป็นเรื่องของการฟ้องร้องเนื่องจากผลลัพธ์ออกมาไม่ถูกใจ และเมื่อไม่นานมานี้ก็เป็นเรื่องของแพทย์ศัลยกรรมที่ถูกลูกค้าทำร้ายร่างกาย จนเสียชีวิตเพราะไม่พอใจรูปจมูกที่แพทย์ศัลยกรรมทำให้ กรณีดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่มาทำศัลยกรรมได้ฝากความหวังก้อนใหญ่ไว้ในมือแพทย์ เผื่อมีเหตุผิดพลาดใด ผลที่สะท้อนกลับมาย่อมรุนแรงมากเช่นกัน
หากให้ มองเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายผู้ที่มาพบแพทย์ย่อมควรศึกษาให้ถี่ถ้วนและรอบด้านเสียก่อน กอปรกับทำความเข้าใจว่าการศัลยกรรมลงมีดใด ๆ ความเสี่ยงย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนในฝ่ายแพทย์ศัลยกรรมนั้นฝีมือและประสบการณ์เป็นเรื่องสำคัญพอ ๆ กับความซื่อสัตย์ต่อจรรยาบรรณแพทย์ เมื่อเข้าใจตรงกันอาจทำให้ปัญหาที่จะเกิดทุเลาเบาบางลง เพราะหากมองไปถึงอุปกรณ์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่มาสนับสนุนในด้านการศัลยกรรมแล้ว
ปัจจุบันถือว่ามี ความทันสมัยรุดหน้าไปจากเมื่อก่อนมาก ทั้งในด้านความปลอดภัยสูง สวยงาม และยังหลากหลายตามความต้องการ และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำให้แวดวงศัลยกรรมประเทศไทยเติบโตขึ้น อย่างรวดเร็ว คลินิกศัลยกรรมผุดขึ้นราวดอกเห็ด เลยไปถึงเสริมความงามในด้านผิวพรรณซึ่งไม่ได้มีการผ่าตัดก็แห่แหนเรียงหน้า เปิดตัวอย่างไม่น้อยหน้ากัน เนื่องจากทุกคนมองตลาดความงามไปในทิศทางเดียวกันว่า นี่คือช่องทางทำเงินที่ยังไม่อิ่มตัวและยังเติบโตได้อีกมากในอนาคต
“โจนาธาน ออร์แกน” กูรูด้านศัลยกรรมความงามและบรรณาธิการ COSMETIC ได้พูดถึงปรากฏการณ์ในครั้งนี้ว่า ตอนนี้การเสริมความงามเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวคนเรามากขึ้นกว่าแต่ก่อน เมื่อก่อนเราอาจใช้การศัลยกรรมเพื่อแก้ไขความบกพร่อง เช่น ปากแหว่ง เพดานโหว่ เป็นต้น แต่ปัจจุบันเรื่องของความงามเป็นเรื่องของความพึงพอใจ เป็นเรื่องของภาพลักษณ์ เป็นเรื่องของการเข้าสังคม ดังนั้นจึงไม่แปลกหากเราจะหันมาใส่ใจรูปลักษณ์ของเราให้ดีขึ้นด้วยการ ศัลยกรรม
แม้ประเทศไทยจะยอมรับในเรื่องของการศัลยกรรมเสริมความ งามมากขึ้นแล้ว แต่เรื่องดังกล่าวก็ยังถือเป็นเรื่องใหม่ในสังคมไทย กฎหมายก็ยังไม่ครอบคลุมได้ตรงจุด ณ วันนี้คนไทยเองเลยยังสับสนว่าแค่ไหนจึงเรียกว่าศัลยกรรม ทำให้คลินิกศัลยกรรมบางแห่งอาศัยช่วงโหว่ทางกฎหมาย เรียกตนเองว่า สถานเสริมความงาม
โจนาธานเสริมว่า “เดี๋ยวนี้คลินิกทั่วไปทำเสริมความงามก็มีมาก มันยังไม่มีกฎหมายบังคับว่าหากคุณทำเสริมสวย คุณต้องจบแพทย์ผิวหนัง เช่นเดียวกันแพทย์ทั่วไปก็เปิดร้านเสริมความงามได้ ยิ่งปัจจุบันมีเรื่องของเครื่องมือมารองรับ บางแห่งคนที่ดูแลไม่ใช่แพทย์ด้วยซ้ำ เพียงแค่เป็นคนที่มีเงินมาลงทุน เพราะเขาเห็นโอกาสทางการตลาดตรงนั้น บุคลากรทางการแพทย์ในแวดวงศัลยกรรมของไทยที่เป็นศัลยแพทย์ยังมีน้อยมาก นอกนั้นก็จะกลุ่มเดอร์มาโทโลจิสต์”
แต่เมื่อตลาดเป็นที่ต้องการสูง จึงมักมีการเรียน การอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้องในด้านความงามเพิ่มเติม ทำให้ผู้ที่เล็งเห็นถึงการเติบโตในวงการอุตสาหกรรมความงามได้เป็นผู้มารอง รับตลาดดังกล่าว จึงเป็นที่มาของสถานเสริมความงามหลากเจ้า หลายราย หลายยี่ห้อ ซึ่งต่างลงมาช่วงชิงกลุ่มลูกค้ากำลังมองหาความพึงพอใจให้ตนเอง
“ตลาดความงามมีเงินหมุนเวียนในระดับหมื่นล้านนะครับ เป็นธุรกิจที่บูมมาก ทุกคนเห็นเหมือนกันหมด ความต้องการสูง และแน่นอนว่าตอนนี้การแข่งขันสูงมาก แต่ไม่มีใครมาทำการตลาดอย่างจริงจัง ทุ่มไปที่โปรโมชั่น ดัมพ์ไปที่ราคา ผมคลุกคลีตรงนี้มานาน อย่างเกาหลีที่เรายอมรับเขาในด้านการเสริมความงาม ไม่มีใครทำการตลาดแบบนี้ มันเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือ ถ้ามีฝีมือ มีคุณภาพ เป็นเกรดเอ ราคาจะเป็นเรื่องรองทันที เพราะอย่างที่ผมบอกตั้งแต่แรกว่า นี่คือตลาดแห่งความพึงพอใจ ในด้านความรู้สึกทุกคนอยากอยู่ในระดับพรีเมี่ยม ทุกคนอยากเป็นที่สุด” โจนาธานกล่าว
ในขณะที่การเติบโตของธุรกิจมีลู่ทางที่จะไปได้ดี แต่เมื่อมีคู่แข่งในตลาดมาก ทำให้ธุรกิจเสริม ความงามหลายแห่งไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร หากปล่อยไปเรื่อย ๆ อาจพังพาบไม่เป็นท่า โจนาธานบอกว่า นั่นเป็นเพราะแต่ละแห่งไม่ดึงจุดขายของตนเองขึ้นมาให้โดดเด่น เนื่องจากเทคโนโลยีทางด้านเครื่องไม้เครื่องมือ ตอนนี้ทุกแห่งแทบจะเท่ากันหมด ใคร ๆ ก็สามารถหาซื้อมาครอบครองได้ และในแต่ละเครื่องมือก็มีข้อจำกัดของตัวมันเอง ฝีมือต่างหากที่เป็นเครื่องการันตีผลสำเร็จ
“เพราะผมคุ้นเคยกับแวดวง สื่อมาก่อน พอมาศึกษาเรื่องอุตสาหกรรมความงาม ผมก็ยังได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ให้เป็นสื่อในด้านการศัลยกรรมความงาม ผมมีโอกาสเจอคนที่มากกว่า กว้างกว่า แพทย์หลายท่านก็มาปรึกษาทางด้านการตลาดกับผม ซึ่งพอประสบความสำเร็จไป ตอนนี้ผมก็เลยได้มีโอกาสมาจับงานด้านนี้ด้วย เรียกว่ามาวิเคราะห์การตลาดกันจุดต่อจุดเลย มองตั้งแต่การลงทุน เครื่องมือบางเครื่องคุณสมบัติทับซ้อนกัน ซื้อเครื่องนี้เครื่องนั้น ทุนก็จม มีการสัมมนาทางการแพทย์ ที่สำคัญเราต้องยอมรับว่าปัจจุบันการตลาดมีผลมากนะครับ บางแห่งอาจจะมีฝีมือดี แต่ไม่นำตรงนั้นมาโปรโมต กลับดึงเรื่องอื่นมาขาย ก็จะกลายเป็นเท่ากับคนอื่น ๆ ในวงการไป”
นอกจากนี้ โจนาธานยังวิเคราะห์ไปถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามของไทยว่า ยังเติบโตอย่างรวดเร็วไปได้อีกเรื่อย ๆ แต่จะอยู่ในกลุ่มที่ได้รับความเชื่อถือเท่านั้น ส่วนรายที่ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ก็คงจะต้องทยอยปิดตัวลง และจะมีรายใหม่ ๆ เข้ามาทดแทน เพราะตลาดกลุ่มนี้ก็ยังจะคงความนิยมสูง-แข่งขันสูงเช่นนี้ตราบเท่าที่ภาพลักษณ์ยังเป็นสิ่งสำคัญในสังคม
…หรือนั่นอาจหมายถึงตลอดไป
ขอบคุณที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์