โรคคออักเสบ อาการติดเชื้อไวรัสที่อาจลุกลามจนอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน!
โรคคออักเสบ (Pharyngitis) คือ การอักเสบบริเวณคอ โดยอาการที่พบมากที่สุด คือ อาการเจ็บคอ มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส และส่วนน้อยเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งการอักเสบที่เกิดขึ้นอาจเป็นแบบเฉียบพลัน (3-7 วัน) หรือเรื้อรัง (2-3 สัปดาห์) ก็ได้
อาการที่พบขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการอักเสบบริเวณคอ โดยอาการที่พบมากที่สุด คือ อาการเจ็บคอ และอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยได้ เช่น กลืนเจ็บ, ไข้ (ต่ำหรือสูงก็ได้), คัดแน่นจมูก, ไอ, ปวดศีรษะ, มีก้อนกดเจ็บบริเวณคอ, ปวดท้อง, คลื่นไส้,อาเจียน
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ มักไม่มีภาวะแทรกซ้อน อย่างไรก็ตามคออักเสบที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย(พบน้อย) มักทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น การติดเชื้อในหูชั้นกลาง, ฝีหนองบริเวณคอด้านหลัง(Retropharyngeal abscess), ฝีหนองบริเวณรอบทอนซิล (Peritonsillar abscess) หากเกิดฝีหนองแล้ว มักทำให้เกิดอาการอย่างรุนแรง คือ เจ็บคอและปวดอย่างรุนแรง, น้ำลายไหล, กลืนลำบาก และหายใจลำบาก หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วน
ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัด และส่วนน้อยเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย (group A Streptococcus)
การวินิจฉัยโรคคออักเสบ
หากมีความกังวล สามารถพบแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษาได้ แพทย์จะซักประวัติ และตรวจร่างกายเบื้องต้น โดยการตรวจส่องคอ หากแพทย์ไม่คิดถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย (ที่พบน้อย แต่มีความรุนแรง) อาจไม่จำเป็นต้องรับการตรวจเพิ่มเติมใดๆ (เช่น การเจาะเลือด)
ส่วนใหญ่เเล้ว โรคคออักเสบสามารถหายได้เองภายใน 1 อาทิตย์ โดยไม่ได้รับการรักษาเฉพาะเจาะจงใดๆ อย่างไรก็ตาม การรักษาบางอย่างช่วยบรรเทาอาการได้ เช่น การดื่มน้ำอุ่น โดยเฉพาะน้ำผึ้งผสมมะนาว การอมลูกอมบรรเทาเจ็บคอ ยาลดไข้ โดยยาฆ่าเชื้อแพทย์จะเลือกใช้ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้นค่ะ
เนื้อหาโดย Dodeden.com