ที่มา: siam55

859749-topic-1425798333-0p

ด้วยไลฟ์สไตล์ของมนุษย์ที่ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็ทำให้โรคภัยต่างๆเริ่มปรับตัวหมุนตามตลอด ซึ่งวันนี้จะพาไปรู้จักกับโรค ตาขี้เกียจ(Lazy Eye) บางทีคุณอาจจะกำลังเป็นอยู่ แต่ไม่รู้ตัวก็ได้นะคะ มันน่ากลัวตรงที่สามารถเป็นได้ตั้งแต่วัยเด็ก จนถึงวัยผู้ใหญ่เลยล่ะ โดยเฉพาะกับผู้ที่ชอบปิดไฟนอนตะแคงเล่นโทรศัพท์ และหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ

859749-topic-1425798333-1

พญ.ชลธิชา จารุมาลัย จักษุแพทย์ รพ.ปิยะเวท อธิบายถึงภาวะตาขี้เกียจว่า “ภาวะตาขี้เกียจ (Lazy Eye) หรือภาษาทางการแพทย์เรียกว่า Amblyopia หมายถึง ภาวะที่สายตาข้างใดข้างหนึ่งมัวลง หรือคุณภาพการมองเห็นของสายตาไม่เท่ากันทั้งสองข้างเทียบเท่ากับคนปกติ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการพัฒนาของสายตาด้านนั้นๆ ถูกขัดขวางหรือหยุดไป จากภาวะต่างๆ ดังนี้

1.ตาเข ตาเหล่ ทำให้ผู้ป่วยต้องใช้ตาข้างที่ดี เพียงข้างเดียวในการมอง ทำให้ตาข้างที่เขไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดภาวะตาขี้เกียจในที่สุด

2.สายตาผิดปกติ สั้น ยาว และเอียง ภาวะนี้แสงจะไม่สามารถโฟกัสมาที่จอประสาทตาได้ ทำให้สายตามองชัดไม่เท่ากัน หากไม่ได้รับการแก้ไขก็จะเกิดภาวะตาขี้เกียจในที่สุด

3.โรคทางตาบางชนิด เช่น ต้อกระจก หนังตาตก โรคทางตาเป็นแผล ตั้งแต่กำเนิด อาจจะเป็นข้างเดียวหรือ 2 ข้างก็ได้ ทำให้การ พัฒนาของสายตาไม่เป็นไปตามขั้นตอนปกติก็จะเกิดภาวะตาขี้เกียจขึ้น

859749-topic-1425798333-2คนไข้โรคตาขี้เกียจส่วนใหญ่จะมาด้วยอาการตามัว มองไกลไม่ชัด ตาเข หรือในบางรายก็ไม่มีอาการอะไรเลยแต่มาตรวจสุขภาพสายตาแล้วตรวจพบว่ามีตาขี้เกียจแถมไปก็มี และเมื่อเกิดภาวะตาขี้เกียจขึ้น การรักษาต้องเริ่มด้วยการแก้ไขที่ต้นเหตุตามด้วยการกระตุ้นตาขี้เกียจให้กลับมาทำงานตามปกติด้วยวิธีการปิดตาข้างที่ดีเอาไว้ เพื่อให้ตาข้างที่ขี้เกียจทำงานบ้าง

ซึ่งถ้าผู้ปกครองสังเกตเห็นอาการผิดปกติของบุตรหลานตั้งแต่วัยเด็ก ก็คงจะปรับปรุงเปลี่ยนนิสัยกันได้ง่ายๆ แต่ถ้าเกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่ ดังเช่นหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ หรือประเภทที่ชอบนอนตะแคงเล่นโทรศัพท์ล่ะก็! อาจจะแก้ยากเลยนะคะ เพราะไม้แก่ดัดยังไงก็ดัดไม่ได้ซะที ต่อไปนี้ก็พยายามอย่าปิดไฟนอนเล่นโทรศัพท์ และเวลาทำงานก็ควรหาเวลาพักผ่อนสายตาระหว่างวันด้วยค่ะ

เรื่องน่าสนใจ