โรคผื่นกุหลาบ เป็นผื่นผิวหนังที่มักมีลักษณะเป็นรูปวงรี มีสีชมพูและมีขุยสะเก็ดที่ขอบ มักพบในวัยรุ่นและผู้ใหญ่อายุ 15-40 ปี ทั้งเพศหญิงและเพศชาย สาเหตุ สาเหตุของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัส เนื่องจากในบางครั้ง โรคนี้อาจมีอาการนํา (prodromal symptoms) เช่น เป็นไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หรือเจ็บคอ นํามาก่อนที่ผื่นจะขึ้น นอกจากนี้ ยังมักมีอาการเพียงระยะสั้นๆ และสามารถหายเองได้

 

โรคผื่นกุหลาบ
ภาพจาก familydoctor.org

 

โรคผื่นกุหลาบ ผื่นผิวหนังที่อาจตามมา จากอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ

อาการ
พบว่า 50-90% จะมีผื่นแรกที่เรียกว่า ผื่นแม่ นํามาก่อน ซึ่งจะมีลักษณะกลมรี ขนาดประมาณ 2-5 เซนติเมตร สีแดง ขอบชัด มีสะเก็ดรอบขอบบางๆ มักขึ้นบริเวณหน้าอก คอ และหลัง ต่อมา 1-2 สัปดาห์ จึงเริ่มมีผืนลักษณะคล้ายกัน แต่มีขนาดเล็กกว่า

โดยเริ่มจากตุ่มเล็กๆ แล้วขยายออกเป็นสะเก็ดรอบๆ บริเวณขอบ ขนาดของผื่นประมาณ 0.5-2 เซนติเมตร ขนานตามแนวรอยย่นของผิวหนัง พบในบริเวณบริเวณลําตัว แผ่นหลัง บางรายอาจถึงโคนต้นขา ในเด็กอาจพบผื่นบริเวณใบหน้า มือและเท้าได้

 

ภาพจาก msdmanuals.com

 

การวินิจฉัยและการวินิจฉัยแยกโรค
โดยทั่วไป สามารถวินิจฉัยได้จากประวัติว่ามีผื่นแม่นํามาก่อน ร่วมกับลักษณะและการกระจายตัวของผื่น อย่างไรก็ตาม ต้องแยกโรคจากผื่นผิวหนังมีสะเก็ดอื่นๆ เช่น ผื่นผิวหนังอักเสบ ผื่นแพ้ยา สะเก็ดเงิน หรือโรคจากการติดเชื้อ เช่น กลาก เกลื้อน ซิฟิลิส การติดเชื้อไวรัสอื่นๆ
ในการวินิจฉัย แพทย์อาจแนะนําให้ตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม เช่น KOH examination และตรวจเลือด VDRL โดยเฉพาะหากอยู่ในวัยเจริญพันธุ์

 

ภาพจาก verywellhealth.com

 

การรักษา
เนื่องจากโรคผื่นกุหลาบ เป็นโรคไม่ติดต่อ และสามารถหายได้เองภายใน 2-3 เดือน และมักไม่ค่อยเป็นซ้ำ หลังจากผื่นหาย อาจมีรอยสีน้ำตาลชั่วคราว แต่มักไม่เหลือรอยแผลเป็น การรักษาหลัก คือรักษาตามอาการ หากมีอาการคัน คุณหมออาจให้ยาทาเสตียรอยด์ (medium-potency topical corticosteroids) เป็นระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ เพื่อลดอาการคัน และทําให้ผื่นหายเร็วขึ้น และควรทาครีมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังบ่อยๆ

………………………………………………………………………

นอกจากนี้ ยาทานแก้คัน ก็มีส่วนช่วยลดอาการคันลงได้ ในรายที่เป็นมากหรือเรื้อรัง อาจจําเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ เช่น ACyclovir 400-800 mg วันละ 5 ครั้งเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หรือ Erythromycin 500 mg วันละ 4 ครั้งเป็นเวลา 1 สัปดาห์ โดยพบว่าอาจช่วยให้ผื่นหายเร็วขึ้น และลดความรุนแรงของผื่นได้ ที่สำคัญ การตากแดดหรือฉายแสงอัลตร้าไวโอเล็ต ก็สามารถช่วยให้ผื่นหายเร็วขึ้นด้วย

 

เนื้อหาโดย Dodeden.com

 

 

เรื่องน่าสนใจ