นายอัฐ ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือโรงพยาบาลพญาไท และเครือโรงพยาบาลเปาโล กล่าวว่า “ทุกโรงพยาบาลในเครือโรงพยาบาลพญาไท – เปาโล มีความมุ่งมั่นที่จะให้การดูแลที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วยและผู้ใช้บริการทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาลพญาไท 1 ซึ่งมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็น Boutique & Innovative Hospital และมีการพัฒนาระบบในการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมาอย่างต่อเนื่องโดยใช้แนวทางที่เป็นมาตรฐานสากล เสริมด้วยการสนับสนุนด้านทรัพยากรต่างๆ
จากทีมบริหารที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วย ทำให้ได้ผลการรักษาที่ดีเยี่ยมใกล้เคียงกับสถาบันชั้นนำในต่างประเทศ ด้วยความมุ่งมั่นของทีมงานทั้งผู้บริหาร แพทย์ พยาบาลและบุคลากรทุกฝ่ายของโรงพยาบาลที่จะให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองอย่างครบวงจร ส่งผลให้ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองพญาไท โรงพยาบาลพญาไท 1 ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหลอดเลือดสมอง ได้รับการรับรอง Comprehensive Stroke Center โดย DNV GL”
“ผมเชื่อว่า การรับรองนี้เป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า โรงพยาบาลพญาไท 1 สามารถเป็นผู้นำในด้านการดูแลรักษาผู้ป่วย stroke (โรคหลอดเลือดสมอง) ได้ในระดับประเทศและภูมิภาคอาเซียน”
ดร.นพ.เกริกยศ ชลายนเดชะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 1 เปิดเผยว่า “โรงพยาบาล พญาไท 1 มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็น Boutique & Innovative Hospital และที่ผ่านมาได้พัฒนานวัตกรรมหลายสิ่งเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย
โดยเฉพาะในการเสริมประสิทธิภาพการดูแลผู้ป่วย Stroke เช่น การจัดตั้ง Acute stroke unit เพื่อดูแลผู้ป่วย stroke เท่านั้น การจัดทำ Mobile stroke unit ที่สามารถตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง และให้การรักษาในรถฉุกเฉินได้ตั้งแต่ที่หน้าบ้านผู้ป่วย
และยังได้นำแนวทางการดูแลผู้ป่วย stroke ที่เป็นสากล (guideline for acute stroke) มาใช้ในกระบวนการดูแลผู้ป่วย จากการพัฒนากระบวนการและผลลัพธ์ในการรักษาจนมั่นใจว่าสามารถเทียบได้กับระดับนานาชาติ
เราจึงได้ขอการรับรองที่จะเป็น Comprehensive Stroke Center จาก DNV GL ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลระดับโลก และเมื่อวันที่ 17 และ 18 สิงหาคม 2559 โรงพยาบาลพญาไท 1 ได้รับการตรวจและได้รับการรับรองเป็น Comprehensive Stroke Center จาก DNV GL อย่างภาคภูมิใจ
ดังนั้น โรงพยาบาลพญาไท 1 เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของเอเชีย ที่ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองได้รับการรับรองเป็น Comprehensive Stroke Center จาก DVN GL ความสำเร็จครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าความสามารถทางการแพทย์ของไทยโดยเฉพาะการดูแลผู้ป่วย stroke นั้นเทียบเคียงได้กับระดับสากล”